ข่าวเลขที่ 271/2568 DIT เปิดเวทีภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก ยกระดับมาตรฐานชั่งตวงวัดไทยสู่สากล ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านมาตรวิทยา (4 กันยายน 2568)
DIT เปิดเวทีภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ยกระดับมาตรฐานชั่งตวงวัดไทยสู่สากล ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านมาตรวิทยา กรมการค้าภายใน (DIT) กระทรวงพาณิชย์ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนานานาชาติด้านการชั่งตวงวัดสินค้าหีบห่อ ภายใต้หัวข้อ การตรวจสอบปริมาณสุทธิสินค้าหีบห่อตามมาตรฐานสากล ระหว่างวันที่ 2 4 กันยายน 2568 ณ กองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกเข้าร่วม ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซามัว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมทั้งผู้ประสานงานโครงการจากประเทศญี่ปุ่น และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากนิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้ พร้อมด้วยวิทยากรร่วมจากประเทศไทย วันที่ 2 กันยายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้มีเป้าหมายหลักในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านมาตรวิทยาและการกำกับดูแลสินค้าบรรจุหีบห่อของประเทศสมาชิก ของสภาชั่งตวงวัดแห่งประเทศเอเชีย-แปซิฟิก (The Asia-Pacific Legal Metrology Forum, APLMF) พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบสินค้าให้ตรงตามหลักสากล เสริมสร้างความร่วมมือด้านชั่งตวงวัดในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ช่วยเสริมภาพลักษณ์และบทบาทความเป็นผู้นำของประเทศไทยในด้านมาตรฐานชั่งตวงวัด อีกทั้งยังเพิ่มความโปร่งใสในการค้าระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพสินค้า อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า DIT โดยกองชั่งตวงวัด เป็นสมาชิกสามัญของ APLMF และมีบทบาทสำคัญในคณะทำงานของ APLMF ทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดฝึกอบรม/สัมมนา (host country) ส่งวิทยากรร่วม (co-trainer) ในหลักสูตรฝึกอบรม/สัมมนาด้านต่างๆ ที่สำคัญในการยกระดับมาตรฐานเครื่องชั่งตวงวัดในทางการค้า ทั้งมาตรวัดคลังน้ำมัน มาตรวัดความชื้นข้าว และ มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนามาตรฐานด้านชั่งตวงวัดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดย DIT ได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และแนวปฏิบัติร่วมกับประเทศสมาชิก เพื่อยกระดับระบบชั่งตวงวัดให้มีความแม่นยำ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นายวิทยากร กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นหนึ่งก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนานาประเทศ เสริมสร้างมาตรฐานสินค้าหีบห่อให้สอดคล้องกับหลักสากล นอกจากนี้ การเป็นเจ้าภาพการจัดสัมมนาของไทย ยังสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของไทยในเวทีภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ในฐานะผู้นำด้านมาตรวิทยาและการกำกับดูแลสินค้าบรรจุหีบห่อ พร้อมทั้งแสดงศักยภาพบุคลากรและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล ทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการสนับสนุนการค้าเสรี ลดอุปสรรคด้านเทคนิคทางการค้า และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและคู่ค้าต่างประเทศอีกด้วย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 270/2568 “จตุพร” มอบ 21 รางวัล Thai Hom Mali Rice Award 2024 เชิดชู เกษตรกร-สถาบันเกษตรกร มุ่งมั่นในการรักษาและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล (3 กันยายน 2568)
จตุพร มอบ 21 รางวัล Thai Hom Mali Rice Award 2024 เชิดชู เกษตรกร-สถาบันเกษตรกร มุ่งมั่นในการรักษาและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล DIT กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2567 (ครั้งที่ 42) ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี เมื่อวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 เพื่อยกย่องและเชิดชูเกษตรกรและสถาบันเกษตรที่มีความมุ่งมั่นในการรักษาและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยให้คงความมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว และมีความอร่อยจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากลตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง พร้อมเชื่อมโยงการตลาด สร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเปิดช่องทางจำหน่ายอย่างยั่งยืนให้กับชาวนาไทย นายจตุพร กล่าวว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ สร้างการเติบโตทั้งในเชิงคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศตลอดมา กระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสินค้าข้าวไทยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสำคัญเร่งด่วน ตามแนวทาง ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เป็น พาณิชย์พึ่งได้ โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคการเกษตรซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับข้าวไทย เพิ่มมูลค่า สร้างแบรนด์ข้าวไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดสากล เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริม รักษา และขยายโอกาสทางการตลาดให้กับข้าวไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยประจำปี 2567 มีเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรจาก 22 จังหวัด ส่งตัวอย่างเข้าร่วมประกวดรวม 755 ตัวอย่าง ผ่านการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวม 21 รางวัล แบ่งเป็น ประเภทสถาบันเกษตรกร 3 ราย และประเภทเกษตรกรรายบุคคล 18 ราย โดยประเภทสถาบันเกษตรกร รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาสตรี จ.กาฬสินธุ์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า จ.อุดรธานี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิงาม 105 จ.ร้อยเอ็ดสำหรับประเภทเกษตรกรรายบุคคล รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายสมจิต แก้วนาเหนือ จ.ร้อยเอ็ด รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายกัณหา พาพิมพ์ จ.หนองคาย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางทองพูล โคกลือชา จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งผู้ได้รับรางวัลทุกประเภทได้รับโล่เกียรติยศ เกียรติบัตร และเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 625,000 บาท ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ของผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิฯ การทำ MOU เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการค้าข้าวกับผู้ชนะการประกวด มีผลิตภัณฑ์ข้าวของผู้ชนะการประกวดฯ หลากหลายแบรนด์ที่นำมาให้ชิมและจำหน่ายในราคาพิเศษ อาทิ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ (ข้าวภูลังกา) และข้าวตราเรือไฟ จาก จ.นครพนม ข้าวช้างชุมพล จ.สุรินทร์ ข้าวนาคุณตาณรงค์ จ.อุบลราชธานี ข้าวจากกลุ่มข้าวปลอดสารพิษ ต.แม่อ้อ จ.เชียงราย และผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากข้าวหอมมะลิ เช่น ผลิตภัณฑ์ข้าวจากธัญพืช พองพองไรซ์ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ข้าวแท่ง (Rice Bar) ไอศกรีมข้าวหอมมะลิจากเกษตรกร จ.ฉะเชิงเทรา และเครื่องดื่ม MR.SATO ที่รังสรรค์จากข้าวไทยและความใส่ใจแบบคราฟต์ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพื้นที่สาธิตการตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการโดยสภาหอการค้าไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวชื่นชมผู้ได้รับรางวัลที่ช่วยรักษาและยกระดับคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งต้องอาศัยความมานะอดทนและมุ่งมั่นพัฒนา ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงและปัญหาอุปสรรคนานัปการ โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก ความเข้มแข็งของเกษตรกรไทยนี้แสดงถึงขีดความสามารถในการปรับตัวที่จะทำให้ภาคการเกษตรไทยก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย อันทรงเกียรติทั้ง 21 ท่าน ทุกท่านคือแบบอย่างของเกษตรกรไทย ที่มีส่วนสำคัญในการเป็นแรงบันดาลใจให้กับพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ส่งต่อพลังแห่งการพัฒนาที่ขับเคลื่อนข้าวหอมมะลิไทยสู่เวทีโลกอย่างภาคภูมิ นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 269/2568 DIT ติดตามโรงงานอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9.80 บาท/กก. ไม่มีปัญหาติดคิว ผลผลิตเข้าสู่โรงงานปกติ ย้ำ สร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย (2 กันยายน 2568)
DIT ติดตามโรงงานอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9.80 บาท/กก. ไม่มีปัญหาติดคิว ผลผลิตเข้าสู่โรงงานปกติ ย้ำ สร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย กรมการค้าภายใน (DIT) ลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) สาขาบางพลี และบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) สาขาพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ พร้อมกำกับการรับซื้อทั่วประเทศให้สอดคล้องและเป็นแก่เกษตรกร นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 68 DIT ได้รับมอบหมายจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ติดตามสถานการณ์การรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโรงงานอาหารสัตว์ เพื่อให้การรับซื้อเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568 ถึง 31 กรกฎาคม 2569 โดยได้มาตรวจเยี่ยมโรงงานอาหารสัตว์รายใหญ่ ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) สาขาบางพลี และบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) สาขาพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบว่าทั้งสองโรงงานรับซื้อข้าวโพดที่ความชื้น 14.5% ในราคา 9.80 บาทต่อกิโลกรัม ผลผลิตเข้าสู่โรงงานเป็นปกติ ไม่มีการชะลอรับซื้อ และโรงงานยังสามารถรับซื้อวัตถุดิบได้ตามกำลังการผลิต นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า DIT ให้ความสำคัญโดยได้รับฟังและหารือกับทุกฝ่ายทั้งเกษตรกร ผู้รวบรวม และโรงงานอาหารสัตว์ เพื่อกำกับการซื้อขายให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยในส่วนของต่างจังหวัด ได้ประสานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ให้มีการชี้แจง ทำความเข้าใจทั้งกับผู้รวบรวมและเกษตรกรในการกำหนดมาตรฐานรับซื้อต่างๆ โดยต้องให้เป็นธรรมเหมาะสม อาทิ มาตรฐานการรับซื้อ เช่น การตรวจวัดความชื้น ความเสียหายของเมล็ด ความสะอาด และสิ่งปลอมปน ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรและผู้รวบรวมเข้าใจและปฏิบัติตามกติกาอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดย DIT มีการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องวัดความชื้นของโรงงานอาหารสัตว์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการตรวจวัดเป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงการตรวจสอบรวมถึงการวัดความเสียหายของเมล็ด การตรวจความสะอาด และตรวจสิ่งปลอมปน ลดความคลาดเคลื่อน และรักษาความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกร และเพื่อให้ข้าวโพดที่รับเข้ามามีคุณภาพเหมาะสมต่อการผลิตอาหารสัตว์ นายวิทยากร ยังเน้นว่า DIT จะติดตามสถานการณ์การซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการรับฟังปัญหาและความเห็นจากเกษตรกร ผู้รวบรวม และโรงงาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานการรับซื้อ โดยได้ประสานงานกับพาณิชย์จังหวัด เพื่อให้การรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีความโปร่งใส เป็นธรรม และสอดคล้อง ซึ่งทุกฝ่ายสามารถมั่นใจได้ว่าผลผลิตที่เข้าสู่โรงงานได้รับการจัดการอย่างถูกต้องและมีคุณภาพ ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเกษตรกรจะได้รับราคาที่เหมาะสมตามคุณภาพผลผลิต และการซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น หากเกษตรกรพบปัญหาการรับซื้อที่ไม่เป็นไปตามประกาศ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตลอดฤดูกาล
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 268/2568 DIT x CPN จัด “Thai Fruits Festival by DIT” รณรงค์บริโภคผลไม้ไทย ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิต (31 สิงหาคม 2568)
DIT x CPN จัด Thai Fruits Festival by DIT รณรงค์บริโภคผลไม้ไทย ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิต DIT ผนึกกำลัง เซ็นทรัลพัฒนา เปิดพื้นที่ศูนย์การค้า 7 แห่ง เป็นตลาดผลไม้คุณภาพ ส่งตรงจากสวนถึงผู้บริโภค ชวนคนไทยและนักท่องเที่ยว ช้อป ชิม ผลไม้สดใหม่ในราคายุติธรรม พร้อมช่วยลดปัญหาผลไม้ล้นตลาดและสร้างรายได้มั่นคงแก่เกษตรกรไทย นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน DIT ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN จัดกิจกรรม Thai Fruits Festival by DIT เพื่อสนับสนุนพื้นที่ระบายผลผลิตของเกษตรกรไทยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงนี้ โดยคัดสรรผลไม้คุณภาพเยี่ยมจากสวนเกษตรกร เช่น ลำไยภาคตะวันออก มะพร้าวน้ำหอมภาคกลาง และผลไม้ตามฤดูกาลในภูมิภาคอื่นๆ มาจำหน่ายโดยตรงถึงผู้บริโภค กิจกรรมนี้นอกจากจะช่วยกระจายผลผลิต ลดปัญหาผลไม้ล้นตลาดแล้ว ยังเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยบริโภคผลไม้มากขึ้น สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ กำหนดจัด ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 7 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล พัทยา วันที่ 30 สิงหาคม 2568 เซ็นทรัล เวสเกต ระหว่างวันที่ 3 9 กันยายน 2568 เซ็นทรัล พระราม 3 ระหว่างวันที่ 4 8 กันยายน 2568 เซ็นทรัล มหาชัย ระหว่างวันที่ 10 14 กันยายน 2568 เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ระหว่างวันที่ 13 17 กันยายน 2568 เซ็นทรัล นครปฐม ระหว่างวันที่ 15 19 กันยายน 2568 เซ็นทรัล ศาลายา ระหว่างวันที่ 17 21 กันยายน 2568 รองอธิบดี DIT กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ (30 ส.ค. 2568) ที่เซ็นทรัลสาขาพัทยา นอกจาก DIT จะนำผลไม้มาจำหน่ายแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษ โดย ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวพัทยา แจกฟรีมะพร้าวน้ำหอม ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ลิ้มลอง เพื่อสร้างการรับรู้ในรสชาติที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของมะพร้าวน้ำหอมไทยที่หอมและหวานจนขึ้นชื่อว่าเป็น Aromatic Coconut Water from Thailand is the Best in the World และสร้างภาพจำที่ดีให้นักท่องเที่ยวหากจะซื้อมะพร้าวน้ำหอม ต้องซื้อมะพร้าวน้ำหอมไทยเท่านั้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้เป็นหนึ่งในมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดูกาล โดยถือเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา และเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เรียนรู้การตลาด นำไปสู่การผลิตที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ต้องขอขอบคุณ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาฯ ที่ร่วมสนับสนุนพื้นที่ศูนย์การค้าให้เกษตรกร นำผลผลิตมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางขายตรงถึงผู้บริโภค และสร้างรายได้ที่เป็นธรรม ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน และครอบครัว ร่วมเที่ยว ช้อป ชิม เลือกซื้อผลไม้ไทยคุณภาพดี ได้ครบจบในที่เดียว ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 7 สาขา ตามกำหนดการดังกล่าว นางสาวญาณีกล่าว
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 267/2568 DIT พาณิชย์ออกประกาศ ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568/69 สร้างหลักประกันราคาผลผลิตเกษตรกร เข้มบังคับใช้กฎหมายผู้รวบรวม–โรงงานอาหารสัตว์ (30 สิงหาคม 2568)
พาณิชย์ออกประกาศ ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568/69 สร้างหลักประกันราคาผลผลิตเกษตรกร เข้มบังคับใช้กฎหมายผู้รวบรวม โรงงานอาหารสัตว์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 เห็นชอบการกำหนดราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ประจำปี 2568/69 ตนจึงได้ลงนามออก ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ประจำปี 2568/69 เพื่อให้การรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกร ผู้รวบรวม และโรงงานอาหารสัตว์ มีความเหมาะสม เป็นธรรม และสอดคล้องกับสถานการณ์การผลิตและการตลาด โดยประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2569 โดยตามประกาศดังกล่าว ได้กำหนดราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สด ชนิดเมล็ดที่มีความชื้น 30% ของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร ชัยภูมิ พิจิตร และอุทัยธานี ในราคากิโลกรัมละ 7.05 บาท สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ให้เป็นไปตามโครงสร้างราคารับซื้อรายจังหวัด ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แห้ง ชนิดเมล็ดที่มีความชื้น 14.5% ณ หน้าโรงงานอาหารสัตว์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในราคากิโลกรัมละ 9.80 บาท สำหรับจังหวัดอื่น ให้เป็นไปตามระยะทาง และค่าขนส่งในแต่ละพื้นที่ โดยปรับเพิ่มหรือลดราคาตามตารางการหักลดน้ำหนักเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความชื้น ซึ่งกรมการค้าภายในได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและได้ตกลงราคากันไว้ก่อนหน้าประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ คู่สัญญา สามารถซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ในราคาที่ตกลงกันไว้ในสัญญา นายจตุพร เน้นย้ำว่า ผู้รวบรวมและโรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงพาณิชย์อย่างเคร่งครัด โดยต้องแสดงราคารับซื้อและอัตราการหักลดความชื้น ณ จุดรับซื้ออย่างชัดเจน โดยกรมการค้าภายในได้แจ้งไปยังจังหวัดทุกจังหวัดที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับดูแลการซื้อขายให้เป็นไปตามประกาศ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกำกับดูแลพร้อมกับชุดตรวจสอบลงพื้นที่ ตรวจสอบการรับซื้ออย่างสม่ำเสมอ หากฝ่าฝืน เช่น การรับซื้อในราคาต่ำกว่าที่แสดงไว้ หรือหักลดน้ำหนักความชื้นไม่ตรงตามที่ประกาศกำหนด จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีทั้งโทษปรับและโทษจำคุก ทั้งนี้ หากมีผู้รวบรวมรายใดปฏิเสธหรือประวิงการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 30 และหากโรงงานอาหารสัตว์รายใดรับซื้อในราคาที่ต่ำเกินสมควร หรือหยุดรับซื้อ จำกัดคิว หรือปิดโรงงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จนทำให้ราคาในตลาดปั่นป่วน ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 29 โดยทั้งสองกรณีมีโทษสูงสุดถึงจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ยังได้กำหนดมาตรการสอดคล้องกับการกำหนดการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรอบ WTO ในโควตาหรือข้าวสาลีสำหรับการผลิตอาหารสัตว์ ในปี 2569 โดยระบุว่า ผู้ประกอบการที่ยื่นขออนุญาตนำเข้า จะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศในปริมาณ 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือข้าวสาลี 1 ส่วน พร้อมทั้งต้องแสดงหลักฐานการรับซื้อจากเกษตรกรในประเทศ และราคารับซื้อต้องเป็นไปตามราคาดังกล่าวข้างต้น ประกาศฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อเป็นหลักประกันราคาผลผลิตของเกษตรกร ป้องกันการกดราคาจากกลไกตลาด และสร้างความชัดเจนแก่ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ กระทรวงพาณิชย์จะติดตามและกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกติกาและเกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกร นายจตุพร กล่าว
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 266/2568 DIT จัดมหกรรม Soft Power Connects Local to Global 2025 ยกสินค้าชุมชนกว่า 60 แห่งสู่ห้างดัง หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก (29 สิงหาคม 2568)
DIT จัดมหกรรม Soft Power Connects Local to Global 2025 ยกสินค้าชุมชนกว่า 60 แห่งสู่ห้างดัง หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก วันนี้ (29 ส.ค. 68) ตามนโยบาย กระทรวงพาณิชย์ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย โดยนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน มอบหมายให้ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นายกรนิจ โนนจุ้ย ตรวจเยี่ยมและประชาสัมพันธ์ งานมหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (Soft Power Connects Local to Global 2025) ณ ชั้น 2 บริเวณหน้าฟู้ดคอร์ท ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ศรีสมาน นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน (DIT)ได้นำสินค้าดี สินค้าเด่น และมีคุณภาพ จากตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่น กว่า 38 แห่ง โดยนำสินค้าจากตลาดต้องชม เช่น ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ตลาดน้ำคลองแห จ.สงขลา ตลาดจริงใจ จ.เชียงใหม่ และหมู่บ้านทำมาค้าขาย เช่น วิสาหกิจชุมชนบ้านตุ๊กตาไม้ลวงเหนือ จ.เชียงใหม่ วิสาหกิจชุมชนรังไหมประดิษฐ์ จ.สระบุรี กลุ่มทอผ้าซาโอริ จ.พังงา มาจัดจำหน่ายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ รวมถึงการจัดกิจกรรมสาธิต (Workshop) สินค้าชุมชน นายกรนิจ โนนจุ้ย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก มุ่งเน้นส่งเสริมสร้างการรับรู้ด้านการท่องเที่ยว การเชื่อมโยง Soft power ที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชนให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงกระตุ้นการใช้จ่ายสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น DIT ขอเชิญเลือกซื้อสินค้าชุมชนจากตลาดต้องชมและหมู่บ้านทำมาค้าขาย กับงาน มหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (Soft Power Connects Local to Global 2025) ในระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2568 ได้ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ณ ชั้น 2 บริเวณหน้าฟู้ดคอร์ท ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ศรีสมาน โดยมีสินค้าดี ร้านค้าเด่น และมีคุณภาพ จากตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่น กว่า 60 แห่ง ทั่วประเทศ โดยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น รณรงค์การท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยตลาดต้องชม และหมู่บ้านทำมาค้าขาย เป็นตลาดในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน ที่ต้องการสนับสนุนคนในชุมชน ให้มีช่องทางทำมาค้าขาย สามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าและศักยภาพของชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ นำรายได้กลับสู่ชุมชน พร้อมผลักดันให้สินค้าจากตลาดต้องชมและหมู่บ้านทำมาค้าขาย เกิดการพัฒนาสินค้าสู่การเจรจาซื้อขายได้ในอนาคต ควบคู่ไปกับการรักษาศิลปวัฒนธรรม และชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นของแต่ละชุมชน จึงขอเชิญชวนประชาชนมาท่องเที่ยวตลาดต้องชมและหมู่บ้านทำมาค้าขาย เข้ามาท่องเที่ยวและเลือกซื้อเลือกหาสินค้าชุม อันจะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนต่อไป
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 265/2568 DIT “จตุพร” นำพาณิชย์ จับมือ เอกชน-ค้าส่งค้าปลีก มอบบัตรแทนเงินสด 9.6 แสนบาท แด่ครอบครัวทหารผู้เสียสละ (29 สิงหาคม 2568)
จตุพร นำพาณิชย์ จับมือ เอกชน-ค้าส่งค้าปลีก มอบบัตรแทนเงินสด 9.6 แสนบาท แด่ครอบครัวทหารผู้เสียสละ วันนี้ (29 สิงหาคม 2568) เวลา 11.00 น. ณ อาคาร 2 ชั้น 1 ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะผู้บริหาร ได้ร่วมกับผู้แทนห้างค้าส่งค้าปลีกชั้นนำ ได้แก่ บิ๊กซี, ซีพี แอ็กซ์ตร้า (แม็คโคร/โลตัส), ท็อปส์, โกโฮลเซลล์ และโรบินสัน ส่งมอบบัตรแทนเงินสด มูลค่ารวม 960,000 บาท (รายละ 60,000 บาท) ให้แก่กองทัพบก เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจปกป้องพื้นที่ชายแดนไทย กัมพูชา โดยพิธีส่งมอบได้รับเกียรติจาก พลเอก ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบกให้การต้อนรับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ด้วยจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมืองไทยที่ยึดมั่นในสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน (DIT) พร้อมด้วยภาคเอกชนผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีก ขอแสดงความอาลัยและสดุดีในความกล้าหาญ ความเสียสละของทหารไทยทุกนาย การมอบบัตรแทนเงินสดในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิต พร้อมส่งกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง และหวังว่าความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนจะยุติลงโดยเร็ว ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด ราคาประหยัด ลดค่าครองชีพ และการมอบสิ่งของบริจาคจากทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับประชาชนและกำลังพล โดยเฉพาะการดูแลด้านสินค้าราคาถูกที่ช่วยแบ่งเบาภาระทหารและครอบครัว ถือเป็นการยืนยันว่า พาณิชย์พึ่งได้ ในทุกสถานการณ์ กระทรวงพาณิชย์ขอเป็นกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และเชื่อว่าด้วยคุณงามความดี การเสียสละ และความศรัทธาในพระสยามเทวาธิราช จะช่วยคุ้มครองให้ทหารทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 264/2568 DIT “จตุพร” เผย นบขพ. เห็นชอบหลักการราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สดชื้น 30% กก.ละ 7.05 บาท แห้งชื้น 14.5% กก.ละ 9.80 บาท เตรียมออกประกาศบังคับใช้ถึง 31 ก.ค. 69 (28 สิงหาคม 2568)
จตุพร เผย นบขพ. เห็นชอบหลักการราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สดชื้น 30% กก.ละ 7.05 บาท แห้งชื้น 14.5% กก.ละ 9.80 บาท เตรียมออกประกาศบังคับใช้ถึง 31 ก.ค. 69 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 5/2568 ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการกำหนดราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยได้กำหนดราคารับซื้อ ข้าวโพดสด (ชนิดเมล็ด ความชื้น 30%) เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร ชัยภูมิ พิจิตร อุทัยธานี ราคา 7.05 บาทต่อกิโลกรัมและข้าวโพดแห้ง (ชนิดเมล็ด ความชื้น 14.5%) ณ หน้าโรงงานอาหารสัตว์ ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ราคา 9.80 บาทต่อกิโลกรัม ราคารับซื้อข้าวโพดในจังหวัดอื่นเป็นไปตามระยะทาง ค่าขนส่ง เพิ่มหรือลดราคาตามราคาการหักลดน้ำหนักเมล็ดข้าวโพดที่มีความชื้น โดยราคาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นสุดฤดูกาลผลิตในวันที่ 31 กรกฎาคม 2569 ทั้งนี้ยังคงยึดตามข้อตกลงเดิม คือ ต้องรับซื้อข้าวโพดในประเทศทั้งหมด โดยในปี 2569 กำหนดให้การนำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO ในโควตา หรือข้าวสาลี ต้องรับซื้อข้าวโพดในประเทศ ในอัตรา 1:3 รมว.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประกาศอย่างเป็นทางการจะออกโดยเร็ว ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเร่งหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่างประกาศให้มีความชัดเจน ครอบคลุม และสามารถบังคับใช้ได้จริง ในหลักการยังยืนยันราคาที่ผู้รวบรวมต้องรับซื้อข้าวโพดของเกษตรกร ที่ความชื้น 30% อยู่ที่ 7.05 บาทต่อกิโลกรัม และโรงงานอาหารสัตว์ต้องรับซื้อจากผู้รวบรวม ที่ความชื้น 14.5% ในราคา 9.80 บาทต่อกิโลกรัม ราคานี้จะมีผลจนสิ้นสุดฤดูกาล เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องเกษตรกร โดยในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมการค้าพืชไร่และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยที่จะร่วมกันดูแลพี่น้องเกษตรกรไทย โดยทั้งสองฝ่ายจะได้มีการประสานงานและหารือกันในประเด็นต่างๆเพื่อให้การซื้อขายเป็นไปโดยไม่ติดขัดต่อไป นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ