ข่าวเลขที่ 153/2568 “พิชัย” ส่งข่าวดี! ลดราคาปุ๋ยกว่า 10 ล้านกระสอบ หนุนชาวนา-เกษตรกรทั่วไทยรับฤดูกาลเพาะปลูก ถึง 30 ก.ย.นี้ (2 พฤษภาคม 2568)
พิชัย ส่งข่าวดี! ลดราคาปุ๋ยกว่า 10 ล้านกระสอบ หนุนชาวนา-เกษตรกรทั่วไทยรับฤดูกาลเพาะปลูก ถึง 30 ก.ย.นี้ วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานแถลงข่าวเปิดโครงการ พาณิชย์ลดราคาปุ๋ยเพื่อเกษตรกร ปี 2568 โดยมีนายพงศกร อรรณนพพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ร่วมด้วย นายพิชัย เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ร่วมมือกับ 3 สมาคมใหญ่ ได้แก่ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าโครงการนี้เพื่อนำปุ๋ยคุณภาพดีมาลดราคาสูงสุดกระสอบละ 50 บาท ครอบคลุมพืชทุกชนิด รวมกว่า 79 สูตร ปริมาณกว่า 10.06 ล้านกระสอบ จากผู้ประกอบการ 26 รายทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 30 กันยายน 2568 วันนี้กระทรวงพาณิชย์เปิดโครงการปุ๋ยราคาถูก เราขอยืนยันว่าความทุกข์ของชาวนาคือความทุกข์ของแผ่นดิน ความทุกข์ของเกษตรกรคือความทุกข์ของแผ่นดินเช่นเดียวกัน เราเข้าใจดีในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ราคาสินค้าเกษตรในประเทศเราพอควบคุมได้ แต่ราคาที่กำหนดจากต่างประเทศควบคุมยาก ล่าสุดราคาข้าวก็ต่ำ เพราะอินเดียขายข้าวขาวในราคาต่ำมาก เพียง 300 กว่าเหรียญสหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 10,000 บาทต่อตัน ทำให้ราคาข้าวขาวทั้งโลกตกต่ำ เราจะพยายามช่วยชาวนา ทั้งการเพิ่มตลาด เช่น ขายข้าวที่แอฟริกาใต้กว่า 400,000 ตัน และการลดต้นทุน เช่น โครงการลดราคาปุ๋ยนี้เพื่อช่วยชาวนาให้ลดต้นทุนให้ได้ นายพิชัยกล่าว ทั้งนี้ ปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการครอบคลุมการเพาะปลูกทุกประเภท ทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน ไม้ผล และไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะสูตรสำคัญที่ชาวนาใช้มาก เช่น 46-0-0, 0-0-60, 16-20-0, 15-15-15, 20-8-20 และ 25-7-14 ซึ่งจัดเตรียมไว้กว่า 5.49 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากครั้งก่อน ก่อนหน้านี้เราได้ประชุมกับ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนึ่งในแนวทางคือการลดราคาปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนให้ชาวนา เราทดลองโครงการแล้วได้รับผลตอบรับดี จึงขยายให้ใหญ่ขึ้น และถ้าความต้องการเพิ่ม เรายืนยันว่าจะหาปุ๋ยมาเพิ่มให้ และถ้าราคาตลาดโลกลดลง เราจะลดราคาปุ๋ยให้ได้อีก ขอยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่นิ่งนอนใจ มีอะไรช่วยชาวนา ช่วยเกษตรกรได้ เราทำเต็มที่ นายพิชัยกล่าว สำหรับการสั่งซื้อปุ๋ยในโครงการ เกษตรกรสามารถสั่งซื้อผ่านกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน รวมถึงสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งจะรวบรวมยอดสั่งซื้อและประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อกระจายปุ๋ยราคาพิเศษไปถึงมือเกษตรกรโดยตรง ขอขอบคุณสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร และเกษตรกรทุกคนที่ให้ความร่วมมือในโครงการนี้ นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงจากโรงงานปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการ โดยราคาจำหน่ายจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.dit.go.th รวมถึงสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชนในแต่ละพื้นที่เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 152/2568 "พิชัย" คิกออฟ “เปิดเทอม เติมพลัง” ลดราคาสินค้า-บริการการศึกษา 8,000 รายการ ช่วยผู้ปกครองประหยัด กว่า 300 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ ร่วม 900 ล้านบาท รับเปิดเทอม (30 เมษายน 2568)
พิชัย คิกออฟ เปิดเทอม เติมพลัง ลดราคาสินค้า-บริการการศึกษา 8,000 รายการ ช่วยผู้ปกครองประหยัด กว่า 300 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ ร่วม 900 ล้านบาท รับเปิดเทอม พิชัย นำพาณิชย์ คิกออฟ เปิดเทอม เติมพลัง จับมือผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ห้างค้าส่งค้าปลีก แพลตฟอร์มออนไลน์ กว่า 50 ราย ลดราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจำนวนกว่า 8,000 รายการ ลดสูงสุด 74% เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา รับเปิดภาคเรียน วันที่ 30 เมษายน 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดตัวโครงการ เปิดเทอม เติมพลัง มาตรการสำคัญของรัฐบาลเพื่อบรรเทาค่าครองชีพผู้ปกครองในช่วงเปิดภาคเรียน โดยระดมความร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ห้างค้าส่งค้าปลีก และแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 50 ราย พร้อมใจกันลดราคาสินค้าและบริการด้านการศึกษาจำนวนกว่า 8,000 รายการ ลดสูงสุดถึง 74% ครอบคลุมสาขากว่า 24,924 แห่งทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลา 32 วัน ตั้งแต่ 30 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2568 นายพิชัย เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกมิติ ภายใต้นโยบาย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต และนักศึกษาในช่วงเปิดเทอมที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก โดยในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้จับมือพันธมิตรเอกชนกว่า 50 รายทั่วประเทศ มอบส่วนลดสูงสุดถึง 74% ให้กับสินค้าจำเป็นในช่วงเปิดเทอม ทั้งชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน เครื่องเขียน ตำราเรียน สื่อการเรียนการสอน บริการกวดวิชา อินเทอร์เน็ต สถาบันดนตรี ผลิตภัณฑ์นม รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอีกหลากหลายรายการ เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่า โครงการนี้จะช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท และก่อให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 900 ล้านบาท สร้างแรงกระตุ้นสำคัญให้กับภาคค้าปลีกและบริการช่วงเปิดภาคเรียนปีนี้ นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลปากท้องประชาชน ทั้งด้านราคาสินค้าและนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยที่ผ่านมา กระทรวงสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ แม้ภาวะต้นทุนผู้ประกอบการจะเพิ่มขึ้น โดยปีที่แล้วอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่เพียง 0.4% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการราคาสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เราทำหลายเรื่องพร้อมกัน ทั้งการเจรจา FTA กับ EU การดูแลนโยบายภาษีทรัมป์ การควบคุมราคาสินค้า เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ในช่วงเปิดเทอมนี้ เราอยากให้ผู้ปกครองทุกคนได้มีโอกาสซื้อของที่จำเป็นในราคาที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียน หนังสือเรียน หรือสินค้าในชีวิตประจำวัน โดยสามารถเลือกซื้อได้ทั้งที่ห้างร้านทั่วประเทศกว่า 24,924 สาขา และผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เข้าร่วมโครงการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว ขอเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และน้องๆ นักเรียน นักศึกษา มาร่วมใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น รับส่วนลดสูงสุดถึง 74% ก่อนเปิดเทอมนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว และช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกัน สำหรับการดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจร่วมกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด ค่าขนส่งไปรษณีย์ การสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายสินค้า โครงการ ชูใจ วัยเก๋า รวมถึงการจับมือห้างค้าปลีก จัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าหมวดจำเป็น ซึ่งช่วยสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมกว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทในเฟสแรกและเฟสสอง
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 151/2568 “พาณิชย์” เผยแค่ 2 สัปดาห์ เกษตรกรแห่ซื้อปุ๋ยถูกแล้ว 5 แสนกระสอบ (29 เมษายน 2568)
พาณิชย์ เผยแค่ 2 สัปดาห์ เกษตรกรแห่ซื้อปุ๋ยถูกแล้ว 5 แสนกระสอบ กรมการค้าภายในแจ้งความคืบหน้าโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีเพื่อเกษตรกร ปี 68 ล่าสุดผ่านมา 2 สัปดาห์ เกษตรกรสั่งซื้อปุ๋ยแล้วกว่า 5 แสนกระสอบ ย้ำปุ๋ยที่นำมาลดราคาในครั้งนี้ ครอบคลุมพืชทุกชนิด ทั้งนาข้าว พืชไร พืชสวน ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ สามารถซื้อผ่านสถาบันเกษตรกร และซื้อตรงได้ที่โรงงาน พร้อมเดินหน้าติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ป้องกันการฉวยโอกาส นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร รวมผู้ประกอบการ 26 ราย เข้าร่วมโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีเพื่อเกษตรกร ปี 2568 โดยให้ส่วนลดกระสอบละ 20 50 บาท ครอบคลุมปุ๋ยเคมี 79 สูตร รวมปริมาณกว่า 10.06 ล้านกระสอบ หรือประมาณ 503,000 ตัน ซึ่งได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2568 เป็นต้นมา ปรากฏว่าในช่วง 2 สัปดาห์ มียอดการสั่งซื้อปุ๋ยจากสถาบันเกษตรกรผ่านกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์แล้ว รวมกว่า 500,000 กระสอบ หรือ 25,000 ตัน สำหรับปุ๋ยที่นำมาลดราคาในครั้งนี้ ครอบคลุมการเพาะปลูกพืชทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนาข้าว พืชไร่ พืชสวน ไม้ผล และไม้ดอกไม้ประดับ โดยปุ๋ยที่เป็นสูตรสำคัญที่ใช้ในนาข้าว เช่น 46-0-0, 0-0-60, 16-20-0, 15-15-15, 20-8-20 และ 25-7-14 มีปริมาณรวมกว่า 5.49 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้นจากรอบที่ผ่านมาเกือบสองเท่า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรชาวนา ในช่วงฤดูเพาะปลูกที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยเกษตรกรที่สนใจ สามารถสั่งซื้อปุ๋ยในโครงการผ่านสถาบันเกษตรกรที่ตนเป็นสมาชิก อาทิ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. วิสาหกิจชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน โดยสถาบันเกษตรกรจะเป็นผู้รวบรวมยอดสั่งซื้อ และประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อเชื่อมโยงปุ๋ยราคาประหยัดไปยังพื้นที่ และยังสามารถสั่งซื้อได้ที่โรงงานปุ๋ยโดยตรง ซึ่งสำหรับราคาจำหน่ายปุ๋ยในโครงการ จะเผยแพร่ราคาผ่านเว็บไซต์ www.dit.go.th รวมถึงพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมใช้วิทยุชุมชนในแต่ละพื้นที่เพื่อแจ้งข้อมูลให้เกษตรกรได้รับทราบโดยตรงด้วย นอกจากนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาปุ๋ยอย่างใกล้ชิดตลอดทุกช่วงการค้า เพื่อให้ราคาจำหน่ายเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์การผลิตและการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และทบทวนโครงสร้างต้นทุนให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องเกษตรกร โดยกรมได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ติดตามการจำหน่ายปุ๋ยอย่างใกล้ชิด หากพบการฉวยโอกาส นอกจากจะมีโทษตามกฎหมาย จำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วยังจะถูกเพิกถอนหรือระงับการเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย ส่วนเกษ๖รกร หากไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือพบการกระทำผิดดังกล่าว สามารถแจ้งหรือร้องเรียนที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 150/2568 “พิชัย” ชวน “ชาวนครพนม” ช้อปมหกรรมธงฟ้า ในโครงการ “ชูใจ วัยเก๋า” ยกทัพสินค้าราคาถูกกว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 60% ระหว่าง 28-30 เม.ย.นี้ ณ ศาลากลาง จ.นครพนม (28 เมษายน 2568)
พิชัย ชวน ชาวนครพนม ช้อปมหกรรมธงฟ้า ในโครงการ ชูใจ วัยเก๋า ยกทัพสินค้าราคาถูกกว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 60% ระหว่าง 28-30 เม.ย.นี้ ณ ศาลากลาง จ.นครพนม กระทรวงพาณิชย์จัดงาน มหกรรมธงฟ้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคจังหวัดนครพนม ภายใต้โครงการ ชูใจ วัยเก๋า นำสินค้าอุปโภคบริโภค 10 หมวด กว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 60% มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชนและกลุ่มผู้สูงวัย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้า หลังได้รับเงินหมื่นจากรัฐบาล พร้อมด้วยสินค้าไฮไลต์มากมาย เช่น ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำมันปาล์ม ข้าวหอมมะลิ หมูเนื้อแดง น้ำมะนาว สับปะรด ลิ้นจี่พันธุ์นพ. 1 องุ่น มังคุด ทุเรียน สละ มะม่วง หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม และนมถั่วเหลือง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ดำเนินการสนับสนุนรัฐบาล โดยมีเป้าหมายสำคัญในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนในระบบอย่างต่อเนื่อง งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2568 ณ ศาลากลางจังหวัดนครพนม โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้า กลุ่มเกษตรกร SMEs และวิสาหกิจชุมชน นำสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า เครื่องครัว อุปกรณ์ช่าง เครื่องแต่งกาย และสินค้าชุมชน มาจำหน่ายในราคาพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงสินค้าผลไม้สดจากกลุ่มเกษตรกรในราคาพิเศษทุกวัน อาทิ ไข่ไก่เบอร์ M แผงละ 85 บาท น้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 23 บาท น้ำมันพืชปาล์มขวดละ 48 บาท ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม ถุงละ 130 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 140 บาท และผลไม้คุณภาพดี เช่น สับปะรด ลิ้นจี่พันธุ์นพ.1 ทุเรียนหมอนทอง มังคุด เงาะ มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นต้น นายพิชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมบนเวทีว่า วันนี้คณะรัฐมนตรีได้ยกทัพกันมาที่นครพนม และจะประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ โดยท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่รับฟังเสียงของประชาชนและทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ กระทรวงพาณิชย์จะทำทุกวิถีทางในการช่วยลดค่าใช้จ่าย งานธงฟ้านี้จะทำให้ทุกท่านได้ใช้สินค้าดี ราคาประหยัด ขอให้มั่นใจว่าเราดูแลค่าครองชีพประชาชนอย่างต่อเนื่อง อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวนครพนม โดยเฉพาะกลุ่มวัยเก๋า มาร่วมช้อปสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ในงานมหกรรมธงฟ้าครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน และขอให้มีความสุขกับการจับจ่ายใช้สอยในโครงการ ชูใจ วัยเก๋า ด้วยกัน นายพิชัย กล่าว ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการ ชูใจ วัยเก๋า อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ร่วมกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายใหญ่-รายย่อย เพื่อลดราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัย ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้กว่า 10,000 ล้านบาท และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 30,000 ล้านบาทตลอดระยะเวลาของโครงการ
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 149/2568 “พาณิชย์” ลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาปาล์ม เคาะ โรงสกัดฯ ยืนราคารับซื้อไม่ต่ำกว่า 5 บาท/กก. , เร่งดันการส่งออก-เพิ่มปริมาณการใช้ B7 , ย้ำเกษตรกรต้องตัดปาล์มสุก เพื่อลดปัญหากระจุกตัวหน้าโรงงาน (28 เมษายน 2568)
พาณิชย์ ลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาปาล์ม เคาะ โรงสกัดฯ ยืนราคารับซื้อไม่ต่ำกว่า 5 บาท/กก. , เร่งดันการส่งออก-เพิ่มปริมาณการใช้ B7 , ย้ำเกษตรกรต้องตัดปาล์มสุก เพื่อลดปัญหากระจุกตัวหน้าโรงงาน วันที่ 28 เมษายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การรับซื้อและแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้แทนเกษตรกร ดร.วันสาด ศรีสุวรรณ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัด นายไกรวุฒิ ศิริอนันตภัทร์ สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และคณะ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และตรัง รวม 12 ราย โดยเปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ มีความเป็นห่วงเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ภาคใต้ จึงสั่งการให้กรมการค้าภายในลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาปาล์ม ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาราคารับซื้อลดลงจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดเยอะขึ้น ประกอบกับเกษตรกรเร่งตัดปาล์มน้ำมัน ซึ่งเกิดการกระจุกตัวหน้าโรงงานสกัดฯ โดยปัญหาดังกล่าวในที่ประชุม ได้มี 4 มาตรการ ดังนี้ 1. การบริหารการจัดคิว โรงงานสกัดฯ จัดช่องทางพิเศษสำหรับเกษตรกรรายย่อยเพื่อนำผลปาล์มมาจำหน่ายได้โดยตรงทุกวัน ในส่วนของลานเทต้องมีการบริหารจัดการปริมาณให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงสกัดฯ ในแต่ละวัน เช่น กำหนดจำนวนการรับซื้อต่อลานต่อวัน โดยต้องรายงานปริมาณที่จะเข้าโรงสกัดในแต่ละวันให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบ 2.การรับซื้อปาล์มน้ำมัน กรมการค้าภายในขอความร่วมมือโรงสกัดน้ำมันปาล์มให้รับซื้อผลปาล์มให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเริ่มรับซื้อตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2568 ในระยะเวลา 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.68) ในราคา 5 บาทต่อกิโลกรัม (ที่ 18%) โดยประกาศราคาทุก 10 วัน ทั้งนี้จะพิจารณาสถานการณ์รอบด้านประกอบการกำหนดราคารับซื้อด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรไม่ต้องเร่งตัดปาล์มที่ยังไม่สุก โดยให้มีคณะทำงานติดตามการรับซื้อ โดยประชุมติดตามสถานการณ์และราคาร่วมกับจังหวัดทุก ๆ 7 วัน ร่วมกับโรงสกัด เพื่อกำกับ ติดตาม และปรับราคาให้เหมาะสมกับช่วงเวลา 3.การสื่อสารประชาสัมพันธ์โดยการรับซื้อตามเงื่อนไขต่างๆ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่และผู้ประกอบการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับเกษตรกรรับทราบทุกขั้นตอน โดยสร้างความเชื่อมั่นและชี้แจงให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลที่ตรงกัน เพื่อให้เกษตรกรวางแผนการตัดปาล์ม โดยชะลอไม่ให้เร่งการตัดปาล์มไม่สุกมาจำหน่าย จะส่งผลให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นและเกษตรกรจะได้รับราคาที่สูงขึ้น 4. ใช้มาตรการติดตามคุมเข้มการขนย้ายและกำกับการรับซื้อโดยบังคับใช้กฎหมายของกรมการค้าภายใน โดยร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และตรัง โดยที่ผ่านมาในระหว่างวันที่ 22 25 เมษายน 2568 มีการกำกับดูแลให้การซื้อขายผลปาล์ม โดยเฉพาะผลปาล์มลูกร่วง เป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกร โดยผลตรวจสอบลานเทรับซื้อผลปาล์ม 20 ราย และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 2 ราย พบลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 ราย กระทำผิด ไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บผลปาล์มตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีกับลานเทที่ทำผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้ว 6 คดี โดยศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว 2 คดี ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท และให้รอลงอาญา ขณะที่อีก 4 คดีอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย นอกจากนี้ นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ จะเร่งผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์เพื่อลดผลผลิตส่วนเกินและช่วยรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์ม และการผลักดันการใช้พลังงานทดแทน โดยการใช้ B7 ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาโดยด่วนต่อไป
ดูเพิ่มเติม
ข่าวที่ 148/2568 พาณิชย์” ผนึก “สยามพารากอน” เปิดเทศกาลผลไม้ไทย “Tropical Fruit Parade 2025” กลางกรุง ดันบุฟเฟต์ทุเรียน-ผลไม้ไทย สู่สายตาโลก (26 เมษายน 2568)
พาณิชย์ ผนึก สยามพารากอน เปิดเทศกาลผลไม้ไทย Tropical Fruit Parade 2025 กลางกรุง ดันบุฟเฟต์ทุเรียน-ผลไม้ไทย สู่สายตาโลก กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับศูนย์การค้าสยามพารากอน เดินหน้าส่งเสริมผลไม้ไทยสู่ตลาดระดับพรีเมียม จัดงาน Siam Paragon Tropical Fruit Parade 2025 ระหว่างวันที่ 25 เมษายน 5 พฤษภาคม 2568 รวม 10 วัน ณ พาร์ค พารากอน (PARC PARAGON) ตอกย้ำภาพลักษณ์ผลไม้ไทยคุณภาพเยี่ยม พร้อมกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศผ่านกิจกรรมสุดพิเศษ อาทิ บุฟเฟต์ทุเรียนรอบละ 1 ชั่วโมง พร้อมผลไม้ฤดูกาลจากทั่วทุกภูมิภาคกว่า 40 ร้านค้า นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลผลไม้ ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตมีปริมาณมาก การนำผลไม้หลากหลายสายพันธุ์จากแหล่งปลูกชั้นนำมาจัดแสดงและจำหน่ายในสถานที่สำคัญกลางกรุงเทพฯ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้เกษตรกร พร้อมทั้งสร้างความตระหนักในคุณค่าและความหลากหลายของผลไม้ไทยในสายตาผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีนี้ผลไม้ของประเทศเรามีผลผลิตที่ดีและเยอะขึ้นซึ่งเป็นเรื่องดีที่เกษตรกรมีผลผลิตเยอะ รายได้ก็จะเยอะ ในส่วนของของผู้บริโภคก็สามารถที่จะได้เข้าถึงผลไม้ไทยได้อย่างทั่วถึง หนึ่งในมาตรการของการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 คือการส่งเสริมและเชื่อมโยง ผลผลิตและตลาดที่จะทำให้เข้าถึงมือผู้บริโภคได้ง่าย โดยในวันนี้ นอกจากจะนำผลไม้ไทยในระดับพรีเมี่ยมมาจำหน่ายสูงประชาชนและนักท่องเที่ยว ณ ห้างใหญ่ใจกลางเมืองแล้ว ภายในงานพบกับ โซนบุฟเฟต์ทุเรียน ที่จัดเต็มด้วยทุเรียนหมอนทอง พวงมณี ชะนีไข่ ก้านยาว พร้อมของหวานจากทุเรียน เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน คัสตาร์ดทุเรียน และไอศกรีมทุเรียน ในราคาพิเศษ 899 บาท สำหรับผู้ถือบัตร M Card หรือใช้คะแนนสะสม แลกรับสิทธิ์ฟรีได้อีกด้วย โดยใน โซนผลไม้ฤดูกาล นำเสนอผลไม้สดจากสวนคุณภาพทั่วประเทศ รวมถึงสินค้า GI กว่า 18 สายพันธุ์ทุเรียน มังคุด เงาะ ลิ้นจี่ ส้มโอ อโวคาโด แตงโมรูปหัวใจ พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งนาทีทอง 1 แถม 1 วันละ 2 รอบ และคูปองส่วนลด 100 บาทจากกรมการค้าภายใน เมื่อซื้อสินค้าครบ 300 บาท นอกจากงานนี้แล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ทั้งการบริหารจัดการผลผลิต การกระจายสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด สนับสนุนการแปรรูป การส่งออก และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยพยุงราคาและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร ซึ่งงานนี้นับเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคผ่านผลไม้ไทยระดับพรีเมียมกลางมหานคร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมอุดหนุนผลไม้คุณภาพดีและสนับสนุนเกษตรกรไทยทั่วประเทศ นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 147/2568 พาณิชย์ แนะประชาชนตรวจสอบ “ป้ายราคา – เครื่องชั่งทอง” ก่อนตัดสินใจซื้อ ป้องกันถูกเอารัดเอาเปรียบ (25 เมษายน 2568)
พาณิชย์ แนะประชาชนตรวจสอบ ป้ายราคา เครื่องชั่งทอง ก่อนตัดสินใจซื้อ ป้องกันถูกเอารัดเอาเปรียบ วันที่ 25 เมษายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจร้านทองย่านสะพานควายเมื่อ 23 เม.ย. 68 ว่า จากสถานการณ์ราคาทองคำที่มีความผันผวนสูงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้เน้นย้ำความสำคัญในการตรวจสอบ ป้ายแสดงราคา และ เครื่องชั่งทอง ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ก่อนที่ประชาชนจะตัดสินใจซื้อทองคำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเลือกซื้อ และป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากร้านค้าบางแห่งที่อาจไม่แสดงราคาชัดเจน หรือใช้เครื่องชั่งที่ไม่มีความเที่ยงตรง นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวรวดเร็ว การชั่งน้ำหนักทองอย่างถูกต้องจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้การเบี่ยงเบนน้ำหนักเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ผู้ซื้อหรือขายทองเสียผลประโยชน์จำนวนมาก การติดป้ายราคาจำหน่ายและราคารับซื้อทองคำอย่างชัดเจน จะช่วยให้ผู้ผู้ซื้อหรือขายทองสามารถเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจได้อย่างโปร่งใส กรมการค้าภายในจึงขอให้ประชาชนสังเกตเครื่องชั่งทองทุกครั้งก่อนทำการซื้อขายว่า ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากกรมฯ หรือไม่ โดยเครื่องชั่งที่ผ่านการตรวจรับรองจะมี สติกเกอร์แสดงการตรวจสอบ ติดไว้ในจุดที่มองเห็นชัดเจน พร้อมแนะนำให้ตรวจสอบว่าร้านมีการแสดงราคาทองคำแบบรายวัน ทั้งราคาขายและราคารับซื้อ ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ หรือราคาตลาด ณ วันนั้น หากพบเห็นร้านค้าทองใดไม่มีการติดป้ายแสดงราคา หรือใช้เครื่องชั่งที่ไม่มีสติกเกอร์รับรอง หรือมีความผิดปกติใด ๆ ที่อาจเข้าข่ายการเอาเปรียบผู้บริโภค สามารถแจ้งเบาะแสได้ผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หรือผ่านแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT รวมถึงศูนย์ชั่งตวงวัดและสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดทั่วประเทศ ในส่วนของผู้ประกอบการร้านทองขอให้ปิดป้ายราคารับซื้อ-ขายให้ชัดเจน รวมถึงใช้เครื่องชั่งที่มีการให้คำรับรอง โดยกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีผู้ขายรายใดใช้เครื่องชั่งที่ไม่ถูกต้อง มีเจตนาชั่งน้ำหนักของทองให้ขาดหายไป จะมีโทษตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การรู้เท่าทันและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นก่อนซื้อทอง ไม่เพียงช่วยป้องกันการเสียสิทธิ์ ยังส่งเสริมให้เกิดการค้าที่เป็นธรรม ซึ่งกรมการค้าภายในขอยืนยันว่าจะเดินหน้าเข้าตรวจสอบร้านทองทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อย่างเคร่งครัด อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 146/2568 กรมการค้าภายใน บุกตลาดสด ตรวจสถานการณ์สินค้า ปริมาณเพียงพอ ราคาเหมาะสม (24 เมษายน 2568)
กรมการค้าภายใน บุกตลาดสด ตรวจสถานการณ์สินค้า ปริมาณเพียงพอ ราคาเหมาะสม วันที่ 24 เมษายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดสดยิ่งเจริญ สะพานใหม่กรุงเทพมหานคร โดยเปิดเผยว่า ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในการลดรายจ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งติดตามสถานการณ์และดูแลค่าครองชีพโดยด่วน กรมฯ จึงได้มาติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเนื้อหมูและไข่ไก่ ในตลาดสดยิ่งเจริญ ซึ่งพบว่า สถานการณ์สินค้ามีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ และราคาเหมาะสมเป็นไปตามกลไกตลาด โดยราคาจำหน่ายในตลาด หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 160 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 ฟองละ 3 บาท มะนาวใบละ 4 บาท ในส่วนของผักสดต่างๆมีแนวโน้มลดลง ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ อย่างไรก็ดี ในส่วนของต้นน้ำ กรมการค้าภายในได้ประสานไปยังกรมปศุสัตว์ เพื่อให้มีการตรวจสอบไปถึงแหล่งผลิต ได้แก่ ผู้เลี้ยงสุกรเพื่อเร่งเพิ่มปริมาณสินค้าเข้าสู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจนถึงสิ้นเดือนนี้ ราคาจะยังคงที่ในระดับดังกล่าว นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าของตลาด ในการกำกับดูแลให้มีการติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน ตรวจสอบความเที่ยงตรงของเครื่องชั่ง พร้อมเตรียมติดตั้ง เครื่องชั่งกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค ป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อขาย สร้างความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในได้ร่วมกับพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นแหล่งชุมชน ห้างโมเดิร์นเทรด สมาคมตลาดสด เพื่อกำกับดูแลและราคาในสถานที่จำหน่ายปลีก โดยเมื่อวานที่ผ่านมา (23 เมษายน 2568) กรมการค้าภายในได้นำรถโมบายธงฟ้าจำหน่าย สินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอาหารสด ประเภทเนื้อหมูในราคาพิเศษ เพียง กก.ละ 140 บาท (หมูเนื้อแดง) น้ำมันปาล์มขวดละ 50 บาท ในพื้นที่ชุมชนจตุจักร และโมบายธงฟ้าอีก 30 แห่งทั่วกรุงเทพ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และ ในส่วนสถานการณ์ห้างค้าปลีก ก็ได้รับความร่วมมือจากห้างในการตรึงราคาเนื้อหมูให้เหมาะสมกับสถานการณ์โดยจำหน่ายอยู่ที่หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด หรือมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้า สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.dit.go.th และสามารถติดตามข่าวสารโครงการธงฟ้าราคาประหยัดได้จากช่องทางดังกล่าวเช่นกัน นายวิทยากร กล่าว
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ