ข่าวเลขที่ 185/2568 “พาณิชย์” ลุยคุมเข้มน้ำมันปาล์มขวด พบห้างค้าส่ง-ค้าปลีกใหญ่ ไม่เกิน 50 บาท ตามต้นทุนจริง เดินหน้าคุมเข้มทั่วประเทศ ลดภาระค่าครองชีพประชาชน (5 มิถุนายน 2568)
พาณิชย์ ลุยคุมเข้มน้ำมันปาล์มขวด พบห้างค้าส่ง-ค้าปลีกใหญ่ ไม่เกิน 50 บาท ตามต้นทุนจริง เดินหน้าคุมเข้มทั่วประเทศ ลดภาระค่าครองชีพประชาชน กรมการค้าภายในลุยตรวจราคาน้ำมันปาล์มขวดทั่วประเทศ หลังหารือผู้ผลิต-ห้างค้าส่งค้าปลีก พบต้นทุนลดลงชัดเจน ทุกห้างยืนยันจำหน่ายไม่เกิน 50 บาทต่อขวด พร้อมกำชับตรวจเข้ม หากพบปั่นราคามีโทษทั้งจำทั้งปรับ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ได้มอบหมายให้นายอุดม ศรีสมทรง และนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาน้ำมันปาล์มขวด ณ ห้างค้าส่ง-ค้าปลีกหลายแห่งตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง กรมการค้าภายในได้เดินหน้าตรวจสอบราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในห้างค้าส่ง-ค้าปลีกทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาจำหน่ายสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงในตลาดปัจจุบัน โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาจำหน่ายจริง ณ ห้างโก โฮลเซลล์ สาขาศรีนครินทร์, ห้างโลตัส สาขาศรีนครินทร์ และห้างซีเจมอร์ สาขาศาลายา 2 พบว่าราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอยู่ในช่วง 46 49 บาทต่อขวด (ตามแต่ละยี่ห้อ) ซึ่งสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและสอดคล้องกับสถานการณ์ราคาผลปาล์มสดในปัจจุบัน นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า หลังจากที่ กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 7 ราย และผู้ประกอบการห้างค้าปลีกค้าส่ง 11 ราย เพื่อหารือโครงสร้างต้นทุนการผลิต และแนวทางดูแลราคาจำหน่ายให้เป็นธรรม โดยพบว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มเก่าที่มีต้นทุนสูงได้ทยอยหมดลงแล้ว ขณะที่ราคาผลปาล์มสดล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 5.20 บาท ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ผลิตจึงสามารถปรับลดราคาจำหน่ายลงมาได้ โดยยืนยันว่า ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป น้ำมันปาล์มขวดจะมีราคาต่ำกว่า 50 บาทอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงเศรษฐกิจปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการกำกับดูแล กรมฯ ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าทุกระดับอย่างใกล้ชิด และหากพบการจำหน่ายในราคาที่ไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมปั่นราคาตลาด ขอให้ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1569, ไลน์ @MR.DIT หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยผู้กระทำผิดจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายวิทยากรกล่าวย้ำว่า กรมการค้าภายในจะเดินหน้าตรวจสอบราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนสามารถซื้อน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ในราคาที่เหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 184/2568 “กรมการค้าภายใน” เดินหน้าตลาดผักปลอดภัย–อินทรีย์ทั่วไทย ตอบรับกระแสสุขภาพ พร้อมสร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกร (4 มิถุนายน 2568)
กรมการค้าภายใน เดินหน้าตลาดผักปลอดภัย อินทรีย์ทั่วไทย ตอบรับกระแสสุขภาพ พร้อมสร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกร นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งส่งเสริมตลาดผักปลอดภัยและผักอินทรีย์ทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดให้เกษตรกรไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยจากผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ พบว่า 93.25% เลือกซื้อผักอินทรีย์เพราะปลอดสารพิษ รองลงมาคือดีต่อสุขภาพ (63.75%) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (52.75%) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มตลาดสินค้าปลอดภัยยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน กรมฯ จึงได้ดำเนินโครงการสำคัญ อาทิ การจัดตั้งศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organic Farm Outlet) จำนวน 22 แห่งใน 19 จังหวัด และกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดใน 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยนำสินค้าผักปลอดภัยมาจำหน่ายในพื้นที่สำคัญ เช่น ศูนย์ราชการ ห้างค้าปลีก-ส่ง ปั๊มน้ำมัน และตลาดชุมชน ในราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 10 - 30% เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้จำหน่ายผลผลิตโดยตรงถึงผู้บริโภค และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกบริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ นางสาวญาณี กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในครั้งนี้ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการนำผักปลอดภัยจากกลุ่มเกษตรกรไปจำหน่ายที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ตและกาดแม่โจ้ จังหวัดเลย ที่มีการรวมกลุ่มของวิสาหกิจชุมชนแปรรูปไม้ผลตามฤดูกาล ตำบลบุฮม กลุ่มเกษตรผสมผสานบ้านโนนงาม กลุ่มพืชอินทรีย์ต้นน้ำเลย และกลุ่มปลูกผักปลอดภัยบ้านหลักร้อยหกสิบ เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าที่ตลาดประชารัฐและตลาดต้องชม ถนนคนเดินเลาะเลย ในจังหวัดขอนแก่น กลุ่มเกษตรกรบ้านหม้อ อำเภอซำสูง ได้จำหน่ายผักสลัดและมะเขือเทศราชินีที่ตลาดบางลำภู ขณะที่จังหวัดน่าน ก็เป็นอีกพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยมีวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ในหลายตำบล เช่น ตำบลบัวใหญ่ ตำบลศรีสะเกษ และตำบลอ่ายนาไลย เข้าร่วมจัดกิจกรรมอย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้ จังหวัดสิงห์บุรี ยังมีการส่งเสริมตลาดเกษตรกรให้กับกลุ่มเพาะเห็ดบ้านบางไผ่ดำ และกลุ่มผักปลอดภัยบ้านกระดี่แดง รวมถึงจังหวัดสงขลา ซึ่งกลุ่มผักยกแคร่และกลุ่มผักสลัดจากทุ่งลาน ได้นำสินค้าปลอดภัยมาจำหน่ายที่หน้าสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. อย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการเชื่อมโยงผักมาจำหน่ายในครั้งนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 7,500,000 บาท การดำเนินงานของกรมการค้าภายในในครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนและการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งกรมฯ จะผลักดันตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยและสินค้าอินทรีย์ต่อไป โดยการสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย และพัฒนาช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้มีศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายสินค้าคุณภาพสูง มีรายได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง นางสาวญาณี กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 183/2568 “พาณิชย์” เร่งเดินหน้าผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ช่วยลดสต๊อกในประเทศ หนุนราคาผลผลิตปาล์มขยับสูงขึ้น เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม (3 มิถุนายน 2568)
พาณิชย์ เร่งเดินหน้าผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ช่วยลดสต๊อกในประเทศ หนุนราคาผลผลิตปาล์มขยับสูงขึ้น เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน เดินหน้าผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม ร่วมกับผู้ส่งออกจำนวนรวมกว่า 59,000 ตัน ไปยังตลาดอินเดีย จีน และญี่ปุ่น เพื่อช่วยลดสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศและสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิต ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำการตรวจสอบการรับซื้ออย่างเหมาะสมเป็นธรรม ที่ CPO 18 % ราคา 5.20 บาท/กก. และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด วานนี้ (วันที่ 2 มิถุนายน 2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นประธานในพิธีปล่อยเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ส่งออกไปยังประเทศอินเดียและประเทศจีน โดยมีคุณประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางสาวกัญกร ประสิทธิศุภผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ภาครัฐ ศุลกากร และตัวแทนองค์กรเกษตรกร เข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ครั้งนี้ด้วย นายวิทยากร เปิดเผยว่า สำหรับการส่งออกในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ โดยมีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ Lot ใหญ่ จำนวน 32,000 ตัน ไปยังประเทศอินเดีย น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 7,000 ตัน ไปยังประเทศจีน และกะลาปาล์มอีกจำนวน 20,000 ตัน ส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมปริมาณกว่า 59,000 ตัน โดยกระบวนการส่งออกดำเนินผ่านท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นท่าเรือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลและมีศักยภาพในการรองรับเรือขนส่งน้ำมันในระดับสูง โดยใช้เส้นทางลำเลียงสินค้าผ่านท่อไปยังเรือใหญ่บริเวณเกาะพะลวย โดยสามารถสูบส่งสินค้าได้ที่อัตราเฉลี่ย 170 ตันต่อชั่วโมง ถือเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยอย่างยิ่ง การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในการเร่งระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มส่วนเกินในประเทศ เพื่อให้ปริมาณมีความสมดุลสอดคล้องกับความต้องการใช้ภายในประเทศ และสามารถผลักดันให้ราคาผลผลิตปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มทั่วประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศ และขยายโอกาสทางการค้าให้กับประเทศไทยในเวทีโลก นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อผลปาล์มน้ำมันร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจของกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและพังงา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่มีการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่อัตราการสกัดน้ำมัน (CPO) 18% ในราคาที่ 5.20 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นระดับราคาที่มีแนวโน้มขยับสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ อันเป็นผลจากการเร่งผลักดันการส่งออกและบริหารจัดการสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ตรวจสอบยังพบผู้ประกอบการรับซื้อผลปาล์มจำนวน 4 รายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งกรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี หรือปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากเกษตรกรท่านใดไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งมายังสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าเร่งรัดทุกมาตรการที่เป็นไปได้ในการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตปาล์มทะลักเข้าสู่ตลาด หากสามารถส่งออกในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้เกิดการระบายสต๊อก ลดความตึงเครียดในระบบอุปทานภายในประเทศ และทำให้ราคาผลผลิตสามารถปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เกษตรกรสามารถอยู่ได้ มีรายได้เพียงพอและยั่งยืน ซึ่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้แล้วกว่า 253,000 ตัน และในเดือนมิถุนายนนี้คาดว่าจะสามารถรักษาระดับการส่งออกไว้ในปริมาณใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 182/2568 “กรมการค้าภายใน” เสริมแกร่งเกษตรกรไทย เดินหน้าอบรม–โค้ชชิ่งทั่วประเทศ ขายข้าวออนไลน์ ยกระดับสู่เกษตรกรยุคดิจิทัล (2 มิถุนายน 2568)
กรมการค้าภายใน เสริมแกร่งเกษตรกรไทย เดินหน้าอบรม โค้ชชิ่งทั่วประเทศ ขายข้าวออนไลน์ ยกระดับสู่เกษตรกรยุคดิจิทัล นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มุ่ง ทลายทุนผูกขาด โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือ การเปิดโอกาสให้เกษตรกรไทยและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศได้ด้วยตนเอง จึงได้มีการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าว เพื่อลดภาระขั้นตอนและค่าธรรมเนียมที่เคยเป็นอุปสรรคมาก่อน ในส่วนของการแก้ไขกฎหมาย กรมฯ ได้ดำเนินการยกเว้นการสต็อกข้าวสารในขั้นตอนขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกข้าว สำหรับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ ตามประกาศคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว ฉบับที่ 154 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับเกษตรกรและสหกรณ์ที่ขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกข้าวทั่วไป และข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อไม่เกิน 12 กิโลกรัม คาดว่าจะประกาศใช้ในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมกันนี้ยังสามารถยื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์ Ricetrade.dit.go.th แล้วเสร็จภายใน 1 วัน เพิ่มความสะดวกรวดเร็วอย่างเป็นรูปธรรม ในด้านการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการค้าข้าว กรมฯ ได้ดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้กับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ทั่วประเทศภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพ สร้างรายได้ และเพิ่มมูลค่าการตลาดสินค้าเกษตร โดยตั้งเป้าจัดอบรม 20 รุ่นๆ ละ 2 วัน ผู้เข้าอบรมรุ่นละไม่ต่ำกว่า 50 คน เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่แนวโน้มตลาดออนไลน์ กลยุทธ์การทำคอนเทนต์ขายของผ่าน TikTok และ Facebook การวิเคราะห์คลิปให้ปัง รวมถึง Workshop การขายจริง พร้อมทั้งให้ความรู้ด้านกฎระเบียบและมาตรฐานส่งออกข้าว รวมถึงแนะแนวทางการเข้าสู่แพลตฟอร์ม Thaitrade.com ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันได้จัดอบรมไปแล้ว 11 รุ่น มีผู้แทนกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์เข้าร่วมแล้ว 688 ราย และยังมีแผนคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรศักยภาพ 20 กลุ่ม เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Coaching เชิงลึก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด พร้อมเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถเติบโตในธุรกิจค้าข้าวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคดิจิทัลต่อไป นางสาวญาณี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังได้ร่วมจัดนิทรรศการในงาน วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 5 - 7 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น การสาธิตการทำเมนูอาหารจากข้าว การจำหน่ายและประชาสัมพันธ์สินค้าข้าวจากกลุ่มเกษตรกร การนำเสนอช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ รวมถึงการถ่ายทอดสดกิจกรรมตลอดทั้งงานผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะมีเชฟชื่อดังที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียล มาร่วมสาธิตการทำอาหาร และช่วยสร้างการรับรู้สินค้าให้กับเกษตรกรในอีกมิติหนึ่งด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรไทยอย่างครบวงจร
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 181/2568 “พิชัย” เข้ม สั่งค้าภายในติดตาม การจำหน่ายชุดตรวจ ATK ห้ามขาด ห้ามแพง , ผู้ค้ายันมีเพียงพอ พร้อมนำเข้าเพิ่มหากความต้องการสูงขึ้น (1 มิถุนายน 2568)
พิชัย เข้ม สั่งค้าภายในติดตาม การจำหน่ายชุดตรวจ ATK ห้ามขาด ห้ามแพง , ผู้ค้ายันมีเพียงพอ พร้อมนำเข้าเพิ่มหากความต้องการสูงขึ้น รมว.พาณิชย์ พิชัย นริพทะพันธุ์ สั่งกรมการค้าภายในเร่งประสานผู้ผลิตนำเข้า ATK เพิ่มให้เพียงพอ ห้างค้าส่ง-ปลีกรับลูกเร่งสั่งของเต็มกำลัง ยืนยันสินค้ามีเพียงพอ และพร้อมเพิ่มนำเข้าหากความต้องการสูงขึ้นอีก วันที่ 1 มิถุนายน 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ติดตามสถานการณ์โควิดที่แพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์การจำหน่ายชุดตรวจ ATK ไม่ให้ขาดตลาด และไม่ให้เกิดการกักตุน จนทำให้ราคาสินค้าสูง โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ติดตามสถานการณ์ชุดตรวจ ATK โดยเชิญผู้นำเข้า และผู้ค้าปลีก Big C / Lotus / Makro / 7-Eleven และร้านขายยา (Pharmax / Savedrug) เพื่อติดตามสถานการณ์ชุดตรวจ ATK เพื่อไม่ให้ขาดตลาด นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประชุมผู้นำเข้ายืนยันว่าสามารถนำเข้าชุดตรวจ ATK ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาในการนำเข้า แต่เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้มีการเก็บสต๊อกไว้จำนวนมาก เนื่องจากไม่มีการแพร่ระบาด คนใช้น้อยลง แต่ปัจจุบันมีการใช้ ATK เพิ่มขึ้น ในส่วนของผู้จำหน่ายแจ้งว่า จากเดิมซื้อคนละ 1 ชุด แต่พอมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ชุด เพื่อให้คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวได้ตรวจเชื้อโควิดด้วย ประกอบกับมีการเปิดภาคเรียน ทำให้บางโรงเรียนมีมาตรการให้นักเรียนตรวจ ATK ก่อนเข้าเรียน จึงส่งผลต่อปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ขอให้ผู้นำเข้าประสานกับทางผู้ค้าอย่างใกล้ชิด หากเร่งนำเข้า ATK มาให้เพียงพอต่อความต้องการ และจากการสอบถามจากผู้นำเข้า ATK รายใหญ่ที่นำเข้ายี่ห้อ TESTSEALABS / Singclean / HIP BIO Tech / YAMADA / Flowflex เป็นต้น ทราบว่าได้สั่งนำเข้ามาแล้ว ซึ่งขณะนี้สินค้าบาง LOT ได้กระจายให้แก่ผู้จัดจำหน่ายเป็นเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของผู้จำหน่ายให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มี ATK พร้อมกระจายไปยังหน้าร้านต่าง ๆ ซึ่งทางหน้าร้านจะเป็นผู้บริหารจัดการสินค้า หากสินค้าหมดจะประสานมายังส่วนกลางเพื่อให้ส่งของมาจำหน่ายเพิ่มเติม กระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำให้ผู้จำหน่ายวางแผนบริหารจัดการสินค้าให้เพียงพอ และให้เร่งเติมชุดตรวจ ATK ในชั้นวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง สำหรับราคาจำหน่ายนั้นยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่ราคาจะขึ้นอยู่กับคุณภาพ ชนิด หรือแบรนด์ของแต่ละสินค้า ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบ กักตุนสินค้า หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 หรือแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT กรมจะเข้าไปตรวจสอบ หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายพิชัย กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 180/2568 “พาณิชย์ เคาะเพิ่มราคารับซื้อปาล์ม 5.20 บาท/กก. ตรวจเข้มพร้อมใช้ยาแรงหากราคายังไม่ขยับ (31 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ เคาะเพิ่มราคารับซื้อปาล์ม 5.20 บาท/กก. ตรวจเข้มพร้อมใช้ยาแรงหากราคายังไม่ขยับ วันนี้( 30 พฤษภาคม 2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ณ ห้องประชุมกรมการค้าภายใน ว่า ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ให้กรมติดตามราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกรไม่ให้ตกต่ำ โดยประชุมร่วมกับผู้แทนเกษตรกร ประธานสภาเกษตรกร จ.ตรัง (นายณัฏฐพร สินไชย) ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (นายมนัส พุทธรัตน์) ผู้แทนเกษตรกรสุราษฎร์ธานี (ดร.วันสาด ศรีสุวรรณ) ผู้แทนเกษตรกรกระบี่ (นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์) ผู้แทนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ผู้แทนสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม ผู้แทนภาครัฐ กระทรวงเกษตรฯ พลังงาน อุตสาหกรรม ศุลกากร เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรอบด้าน นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า ที่ประชุมได้พิจารณาสถานการณ์ผลผลิตและราคาน้ำมันปาล์ม และเห็นชอบร่วมกันให้โรงงานสกัดปรับราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน ณ หน้าโรงงานสกัดทั่วประเทศ (อัตรา 18%) จาก 5 บาท/กก. เป็น 5.20 บาท/กก. โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาให้ลานเทปรับราคารับซื้อสูงขึ้นด้วย โดยเมื่อพิจารณาจากปัจจัยบวกหลายด้าน เช่น ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงต้นเดือน พฤษภาคม 2568 อัตราการสกัดน้ำมันโดยเฉลี่ยปรับสูงขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จึงเห็นว่าสามารถที่จะเพิ่มราคารับซื้อมากกว่า 5 บาท/กก. ได้ ประกอบกับผลผลิตในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันเลยช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (peak) มาแล้ว คงเหลือฝั่งอ่าวไทยที่ยังคงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องแต่คาดว่าจะลดลงในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 นี้ นายวิทยากร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ กรมการค้าภายในจะร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่กำกับดูแลตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มตามที่ขอความร่วมมือดังกล่าวทั้งโรงงานสกัด ลานเท ให้เป็นไปตามคุณภาพผลผลิตและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง รวมทั้งการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม หากตรวจสอบแล้วพบว่าการรับซื้อยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่ขอความร่วมมือไว้ จะพิจารณาดำเนินการว่าอาจจะเข้าข่ายเป็นการจงใจทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้าตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยจะนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดพิจารณาต่อไป กรมการค้าภายในเน้นย้ำให้โรงงานสกัด รับซื้อปาล์มน้ำมันของเกษตรกรตามที่คณะกรรมการได้แจ้งราคาเพื่อให้ราคาทั้งระบบได้มีการปรับตัวขึ้น ซึ่งหากโรงงานสกัดใดไม่ดำเนินการ กระทรวงพาณิชย์จะมีการเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดหากพบการจงใจกดราคารับซื้อเกษตรกร พร้อมใช้ยาแรงในการเอาผิดตามกฏหมายทันที ในส่วนของลานเท จุดรับซื้อทุกแห่ง ต้องติดป้ายแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน โปร่งใส และเปิดเผย เพื่อให้เกษตรกรสามารถเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจขายผลผลิตได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเอาเปรียบและส่งเสริมความโปร่งใส ในระบบการซื้อขายปาล์มน้ำมัน นายวิทยากรกล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 179/2568 ข่าวดี ผู้เลี้ยงปลากะพง - กุ้งขาว “พาณิชย์” เชื่อมโยง ห้างแม็คโคร-โลตัส “รับซื้อปลากะพง” กว่า 3,200 ตัน ทั่วประเทศ ช่วยเกษตรกรมีรายได้ทันทีกว่า 430 ล้านบาท พร้อมต่อยอดโมเดลเชื่อมโยง “กุ้งขาว 30 จังหวัด สู่ภาคเหนือ-อีสาน” เป้าหมาย 5,450 ตัน (29 พฤษภาคม 2568)
ข่าวดี ผู้เลี้ยงปลากะพง - กุ้งขาว พาณิชย์ เชื่อมโยง ห้างแม็คโคร-โลตัส รับซื้อปลากะพง กว่า 3,200 ตัน ทั่วประเทศ ช่วยเกษตรกรมีรายได้ทันทีกว่า 430 ล้านบาท พร้อมต่อยอดโมเดลเชื่อมโยง กุ้งขาว 30 จังหวัด สู่ภาคเหนือ-อีสาน เป้าหมาย 5,450 ตัน กรมการค้าภายใน ดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ โดยการแก้ไขปัญหาราคาและตลาดรองรับ หนึ่งในมาตรการคือเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง เป็นตลาดรองรับเพิ่มเติมจากตลาดทั่วไป โดยกรมร่วมกับ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ดำเนินโครงการ แม็คโคร - โลตัส เคียงข้างเกษตรกรไทย ปล่อยคาราวานรถรับซื้อปลากะพงจากเกษตรกรผู้เลี้ยงแล้วใน 5 จังหวัด (ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน) ปริมาณ 3,200 ตัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้แล้วกว่า 430 ล้านบาท เร่งเดินหน้าโครงการเชื่อมโยงการจำหน่าย ยกระดับราคาปลากะพงให้สอดคล้องต้นทุน พร้อมขยายกิจกรรมรณรงค์บริโภคกุ้ง ดูแลราคากุ้งขาวแวนนาไมในช่วงผลผลิตออกตลาดมาก ครอบคลุม 30 จังหวัด เป้าหมายกว่า 5,450 ตัน วันนี้ (29 พฤษภาคม 2568) นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ลงพื้นที่ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง และปล่อยคาราวานรับซื้อปลากะพง ณ บ่อเกษตรกรในอำเภอบางปะกง โดยเปิดเผยว่า กรมการค้าภายในเดินหน้าส่งเสริมการประกอบอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ตามนโยบาย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้มีนโยบายให้แก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรในพื้นที่อย่างทันท่วงที และเน้นทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด กรมการค้าภายในจึงได้ดำเนินโครงการร่วมกับบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการรับซื้อปลากะพงจากเกษตรกรภายใต้โครงการ แม็คโคร - โลตัส เคียงข้างเกษตรกรไทย นางสาวญาณี กล่าวต่อว่า โดยในวันนี้ กรมฯ และผู้บริหาร ซีพีฯ ได้ร่วมกันปล่อยคาราวานรับซื้อปลากะพง ณ บ่อเกษตรกร ในอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปจำหน่ายในห้างแมคโครและโลตัส ร่วม 170 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่าย และยกระดับราคาปลากะพงให้กับเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม โดยกิจกรรมดังกล่าวดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบันมีการรับซื้อปลากะพงจากเกษตรกรในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ปัตตานี สงขลา และนครสวรรค์ รวมปริมาณกว่า 3,200 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 430 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันราคาปลากะพงยังได้ราคาดีต่อเนื่อง โดยกิจกรรมดังกล่าวกรมการค้าภายในได้ดำเนินมาตรการเชื่อมโยงการระบายสินค้าปลากะพงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน และจะดำเนินการต่อไป เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตในราคาที่เหมาะสม ไม่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงในพื้นที่ต่าง ๆ รู้สึกดีใจที่ภาครัฐและเอกชนเข้ามาดูแลช่วยเหลือ ทำให้มีรายได้ที่เพียงพอ และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพต่อไป นางสาวญาณี กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในขอขอบคุณ บริษัท ซีพี แอ๊กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ที่เป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญของกรมในการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งกรมฯ ได้มีการประสานความร่วมมือกันมาโดยตลอด เพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากเกษตรกรมาจำหน่าย ทั้งเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการขยายตลาดด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย การรณรงค์บริโภค หรือแม้กระทั่งเป็นช่องทางในการจำหน่ายในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เช่น ผลไม้ กุ้งขาวแวนนาไม และปลากะพง เป็นต้น ซึ่งกรมฯ ได้รับความร่วมมือที่ดีมาโดยตลอด นอกจากนี้ รองอธิบดียังได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์กุ้งขาวแวนนาไม ในพื้นที่ ตำบลบางเกลือ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนี้กุ้งขาวแวนนาไมอยู่ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ซึ่งกรมฯ ได้มีมาตรการรองรับ โดยได้ขยายระยะเวลาโครงการส่งเสริมการรณรงค์บริโภคสินค้ากุ้ง ปี 2567 จากเดิมสิ้นสุด 31 มีนาคม 2568 เป็น 31 ตุลาคม 2568 เพื่อสนับสนุนค่าบริหารจัดการด้านผลผลิตและค่าบริหารจัดการด้านการตลาดให้แก่เกษตรกร ไม่เกิน กก.ละ 22 บาท ปริมาณเป้าหมายกว่า 5,450 ตัน ครอบคลุมแหล่งผลิตกุ้งทั้งประเทศ จำนวน 30 จังหวัด ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ โดยที่ผ่านมากรมฯ ยังได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคทั้งในและนอกแหล่งผลิตรวมถึงเชื่อมโยงกุ้งออกนอกแหล่งผลิตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน เช่น เทศกาลกินกุ้งแปดริ้ว เทศกาลกินกุ้งจันท์ และเทศกาลงานกินกุ้งไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น และในปีนี้กรมฯ จะได้มีการจัดการเชื่อมโยงกุ้งนำร่องไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคเหนือ ในช่วงเดือน มิถุนายน กันยายน 2568 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นการบริโภคกุ้งเพิ่มขึ้น กรมการค้าภายในจะเดินหน้าเชื่อมโยงสินค้าเกษตรจากแหล่งผลิตสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลเสถียรภาพราคา และสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับเกษตรกรไทย โดยเน้นความร่วมมือกับภาคเอกชนในการขยายช่องทางการจำหน่าย พร้อมรณรงค์การบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น นางสาวญาณีกล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 178/2568 “กรมการค้าภายใน” เปิด DIT Fresh From Farm ในงาน THAIFEX–ANUGA ASIA 2025 อย่างคึกคัก ผู้ประกอบการต่างชาติสนใจสินค้าเกษตรไทย คาดยอดสั่งซื้อทะลุ 250 ล้านบาท (28 พฤษภาคม 2568)
กรมการค้าภายใน เปิด DIT Fresh From Farm ในงาน THAIFEX ANUGA ASIA 2025 อย่างคึกคัก ผู้ประกอบการต่างชาติสนใจสินค้าเกษตรไทย คาดยอดสั่งซื้อทะลุ 250 ล้านบาท วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลตามข้อสั่งการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลเกษตรกรไทย โดยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปสู่ตลาดโลก กิจกรรมภายใต้ DIT Pavilion ปีนี้ ภายใต้แนวคิด FRESH FROM FARM ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ที่กรมฯ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อเปิดตลาดใหม่ ขยายตลาดเดิม สร้างเสถียรภาพด้านราคา และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน ภายในงาน กรมฯ ได้นำเสนอศักยภาพของสินค้าเกษตรไทยที่มีความโดดเด่นทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และความคิดสร้างสรรค์ โดยรวบรวมผลไม้เกรดพรีเมียมและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกษตรกรทั่วประเทศ ทั้งผลไม้สดส่งออก เช่น ทุเรียน มังคุด มะม่วง และกล้วย ผลไม้แปรรูป เช่น ลำไยอบแห้ง มะม่วงอบ สับปะรดอบ และแก้วมังกรแปรรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์อบแห้งจากพืชผัก เช่น กระเทียมและหอมแดง น้ำผลไม้และเครื่องดื่มจากผลไม้ สมุนไพรแปรรูป เช่น ขิงและขมิ้นชัน ของขบเคี้ยวจากเมล็ดพืช เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ปรุงรส และผลิตภัณฑ์จากกล้วยและเกษตรแปรรูปอื่น ๆ นายวิทยากร กล่าวต่อว่า ในวันแรกของการเปิดงาน (27 พฤษภาคม 2568) DIT Pavilion ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้าชมบูธและให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ของไทย โดยเฉพาะนวัตกรรมสมูทตี้จากผลไม้ไทยที่ผสมรสชาติหลากหลาย ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการนำผลไม้ไทยเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารในรูปแบบที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดต่างประเทศ ไฮไลต์สำคัญของงานในปีนี้ยังรวมถึงกิจกรรมสาธิตการทำอาหารโดยเชฟระดับมืออาชีพของประเทศ ที่ได้นำผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกษตรกรมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารคาวและหวาน ถ่ายทอดแนวทางการใช้วัตถุดิบไทยในรูปแบบใหม่ สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ และเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรไทย สำหรับการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ กรมฯ คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจและยอดขายภายในงานรวมกว่า 250 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยบนเวทีการค้าโลก ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานและร่วมเจรจาธุรกิจได้ตั้งแต่วันที่ 27 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 18.00 น. และในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จะเปิดจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป เวลา 10.00 20.00 น. ณ อาคาร Challenger 1 3 และ IEC Hall 5 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี กรมการค้าภายในขอเชิญชวนผู้ประกอบการและผู้บริโภคมาร่วมสัมผัสความสดใหม่จากสวนไทย ได้ที่ DIT Pavilion ในงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก THAIFEX ANUGA ASIA 2025 ระหว่างวันที่ 27 31 พฤษภาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 9 บูธ DD27 และร่วมขับเคลื่อนสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดโลกไปด้วยกัน นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ