ข่าวเลขที่ 216/2568 “สุชาติ” ชี้มาตรการเชื่อมโยงมังคุดใต้ต่อเนื่อง ช่วยยันราคาได้ ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยเกษตรกรไทย ย้ำ “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ช่วยได้จริง (12 กรกฎาคม 2568)
สุชาติ ชี้มาตรการเชื่อมโยงมังคุดใต้ต่อเนื่อง ช่วยยันราคาได้ ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยเกษตรกรไทย ย้ำ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ช่วยได้จริง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเขื่อมโยงมังคุดใต้ในช่วงนี้ ที่ออกสู่ตลาดแล้วกว่า 40% ว่า ขณะนี้มาตรการเชื่อมโยงตลาดภายในประเทศที่กรมการค้าภายในดำเนินการ ร่วมกับพันธมิตรทั้งรัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สถานีบริการน้ำมัน ธนาคาร และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ผลเป็นอย่างดี สามารถช่วยระบายผลผลิตได้ต่อเนื่อง ช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางขายเพิ่มขึ้น และรักษาระดับราคาในช่วงต้นฤดูกาลได้ นายสุชาติ กล่าวว่า จากเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามสถานการณ์ผลผลิตมังคุดและแนวทางเชื่อมโยงตลาด ซึ่งพบว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะห้างค้าปลีกและบริษัทใหญ่ที่รับซื้อมังคุดล็อตใหญ่ ช่วยให้การกระจายผลผลิตเกิดขึ้นได้จริงและเห็นผลเป็นรูปธรรมในด้านราคาที่ดีขึ้น ที่ผ่านมา ราคามังคุดอยู่ในระดับไม่ดีเท่าที่ควร เพราะผลผลิตออกมามากในระยะเวลาเดียวกันกับภาคตะวันออก ทำให้ผู้รวบรวมรับซื้อจากภาคตะวันออกลงมาภาคใต้ล่าช้ากว่าผลผลิตออกเล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันผู้รวบรวมเข้ามาเปิดจุดรับซื้อในนครศรีธรรมราชเพิ่มขึ้นแล้ว ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์เข้าไปเชื่อมโยงตลาด กระจายผลผลิตไปยังห้างใหญ่ๆ - ร้านค้าปลีกทั่วประเทศ และหน่วยงานใหญ่ๆ เช่น บริษัทจดทะเบียนใน SET ที่สั่ง pre order รับซื้อเพื่อทำ CSR ในปริมาณเยอะ เป็นต้น เป็นปัจจัยในการดูดซับผลผลิตออกจากแหล่ง ทำให้เกษตรกรขายได้ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญที่ยืนยันได้ว่า ตลาดในประเทศ ยังช่วยดูดซับผลผลิตมังคุดได้ หากมีการบริหารจัดการกระจายผลผลิตอย่างต่อเนื่อง นายสุชาติกล่าว ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในขยายโมเดลนี้ไปยังผลไม้อื่น เช่น ลำไยภาคเหนือ เพื่อกระจายตลาดข้ามภูมิภาค ลดการกระจุกตัวในช่วงผลผลิตออกมาก และเพิ่มโอกาสทางการตลาด สร้างรายได้ให้เกษตรกรทุกพื้นที่ ผมต้องขอบคุณพันธมิตรต่างๆ ที่ช่วยกันซื้อมังคุดล็อตใหญ่ ท่านเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเกษตรไทย และขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกคนที่ช่วยกันอุดหนุนผลไม้ไทย ช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ซึ่งเรายืนยันว่าช่วยได้จริง นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 215/2568 ‘จตุพร’ เดินหน้า “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” จัดธงฟ้าราชบุรีลดสูงสุด 60% เตรียมต่อยอดลดราคาปุ๋ย-ยา ช่วยเกษตรกร (11 กรกฎาคม 2568)
จตุพร เดินหน้า ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย จัดธงฟ้าราชบุรีลดสูงสุด 60% เตรียมต่อยอดลดราคาปุ๋ย-ยา ช่วยเกษตรกร รมว.จตุพร ยกทัพของถูกจัดงาน ธงฟ้าราคาประหยัด จังหวัดราชบุรี นำสินค้าอุปโภคบริโภค 10 หมวด กว่า 500 รายการ ลดสูงสุด 60% และยังมีสินค้าไฮไลท์ ทั้งไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำมันปาล์ม ข้าวหอมมะลิ และมังคุด มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ พร้อมเตรียมขยายผลนำสินค้าปัจจัยทางการเกษตร อาทิ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง คุณภาพดี จำหน่ายราคาเหมาะสมเพื่อลดต้นทุนช่วยเหลือเกษตรกร วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ณ จังหวัดราชบุรี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการจัดงานเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ทำให้ประชาชนมีความสุข โดยการดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภคอย่างเท่าเทียม เพิ่มโอกาสทางการค้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้ทุกครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ จึงได้จัดงานจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด ระหว่างวันที่ 10 12 กรกฎาคม 2568 ณ บริเวณถ้ำฤๅษีเขางู อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตรายกลางและรายย่อย (SMEs) และวิสาหกิจชุมชน นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายรวม 10 หมวด กว่า 500 รายการ ลดสูงสุด 60% อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า ของใช้ประจำวัน เครื่องครัว อุปกรณ์ช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย สินค้าชุมชน ผลไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจำหน่ายสินค้าไฮไลท์ และสินค้าผลไม้ที่เชื่อมโยงจากกลุ่มเกษตรกร ในราคาพิเศษ ทุกวัน อาทิ ไข่ไก่เบอร์ M แผงละ 90 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 23 บาท น้ำมันปาล์ม ขวดละ 42 บาท ข้าวหอมมะลิ (5 กก.) ถุงละ 135 บาท นอกจากนั้นยังเชื่อมโยง มังคุด จากเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช มาจำหน่ายในงานกิโลกรัมละ 35 บาท อีกด้วย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในจังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง มาเลือกซื้อสินค้าในโครงการนี้ ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพดีและราคาประหยัดที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เลือกสรรมาให้ท่าน ทั้งสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ของกินของใช้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวว่า สำหรับงานธงฟ้าในวันนี้เป็นการจำหน่ายสินค้าเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งตนมีนโยบายที่ต่อยอดนำสินค้าจำเป็นที่ใช้ในภาคการเกษตร อาทิ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เป็นต้น ที่มีคุณภาพดีมาจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหากลไกราคาในระยะยาวต่อไป โดยได้มอบหมายให้ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านสุชาติ ชมกลิ่น พิจารณาโครงการเพื่อเป็นการลดต้นทุนในภาคการเกษตรอันจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 214/2568 พาณิชย์ ผนึก เอกชน ระดมกำลังช่วยเหลือเกษตรกรมังคุด นครศรีธรรมราช ราคาขยับต่อเนื่อง ย้ำ เปิดจุดรับซื้อต่อเนื่องจนกว่ามังคุดหมด (10 กรกฎาคม 2568)
พาณิชย์ ผนึก เอกชน ระดมกำลังช่วยเหลือเกษตรกรมังคุด นครศรีธรรมราช ราคาขยับต่อเนื่อง ย้ำ เปิดจุดรับซื้อต่อเนื่องจนกว่ามังคุดหมด วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมังคุดในจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ภายหลังจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา และให้ใช้นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้เร่งดำเนินการเชื่อมโยงผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก และภาคเอกชน เข้ารับซื้อมังคุดจากเกษตรกรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันได้เปิดจุดรับซื้อ 12 จุด ในพื้นที่เป้าหมาย และมีปริมาณรับซื้อวันละเฉลี่ย 200 250 ตัน ซึ่งช่วยพยุงราคามังคุดให้ขยับขึ้นอย่างชัดเจน นายวิทยากร ยังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลในพื้นที่ ระบุว่า ราคามังคุดเกรดรวมหรือ เบอร์รวม ที่เคยอยู่เพียง 10 11 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงต้นเดือน ปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 17 20 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่มังคุดคัดเกรดดีในกลุ่มประมูลบางแห่ง ราคาทะลุ 33 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการใช้มาตรการเชื่อมโยงมังคุดออกจากแหล่งผลิตไปกระจายสู่ตลาดในภาคอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้มอบหมายให้นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7-9 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้รับรายงานว่าจากการสอบถามผู้รับซื้อในพื้นที่พรหมคีรี ที่รับซื้อ ณ โรงคัดแยก พบว่าราคามังคุดเกรดกาก/ลาย ขยับขึ้นเป็น 18 20 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีล้งจากภาคตะวันออก จ.จันทบุรี ระยอง ตราด ทยอยเข้ามารับซื้อมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างชัดเจน โดยผู้ประกอบการจุดรับซื้อในอำเภอพรหมคีรีรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้เปิดรับซื้อมังคุดตลอดทั้งวัน พร้อมเร่งบรรจุผลผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน การเปิดรับซื้ออย่างต่อเนื่องนี้ช่วยสร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรให้สามารถนำผลผลิตมาจำหน่ายได้โดยไม่ชะงัก ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายในยังได้ระดมความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ ในการช่วยระบายผลผลิต จากกิจกรรมที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ปล่อย คาราวานมังคุด กระจายผลผลิตกว่า 40 ตัน สู่ภาคต่างๆ โดยความร่วมมือที่สำคัญของเอกชนที่มีส่วนช่วยอย่างมาก ได้แก่ ห้างค้าปลีกหลัก เช่น บิ๊กซี แม็คโคร โลตัส ท็อปส์ เดอะมอลล์ สมาคมตลาดสดในการเพิ่มการรับซื้อมังคุดเพื่อนำไปจำหน่ายในสาขาของทุกห้างและตลาด รวมถึงสถานีบริการน้ำมันและไปรษณีย์ไทย ในการช่วยเหลือการขนส่งเพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายทางให้กว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือจากเอกชน ที่ช่วยรับซื้อมังคุดผ่านกิจกรรม CSR อาทิ หน่วยงานราชการ กระทรวงต่าง ๆ กลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ธนาคารกรุงไทย บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดง เป็นต้น ที่ช่วยรับซื้อมังคุดนครศรีฯ เพื่อทำ CSR แจกจ่ายภายในองค์กร และยังมีธนาคารไทยพาณิชย์ และตลาดเจ้าสัว 69 ที่ให้พื้นที่วางจำหน่ายมังคุดในเขตชุมชนในกรุงเทพฯ สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อมังคุดสดจากสวนเกษตรกรโดยตรง สามารถเลือกซื้อได้จากพันธมิตรใกล้บ้านท่าน เช่น เซ็นทรัล บิ๊กซี แม็คโคร โลตัส ท็อปส์ โกโฮเซล เซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงจุดจำหน่ายเฉพาะกิจในเขตเมือง ได้แก่ บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ และตลาดเจ้าสัว 69 ถนนบรมราชชนนี กรมฯ ขอยืนยันว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาของเกษตรกร และพร้อมปรับแผนให้ทันสถานการณ์ เพื่อให้ผลผลิตของท่านขายได้ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม ความร่วมมือจากทุกฝ่ายสะท้อนพลังของคนไทยที่ไม่ทอดทิ้งกัน และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 213/2568 “กรมการค้าภายใน” จับมือ "โก โฮลเซลล์" ช่วยเกษตรกรไทย รับซื้อผลไม้กระจายสู่ผู้บริโภค (9 กรกฎาคม 2568)
กรมการค้าภายใน จับมือ โก โฮลเซลล์ ช่วยเกษตรกรไทย รับซื้อผลไม้กระจายสู่ผู้บริโภค นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับรายได้เกษตรกรและส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยในประเทศ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประสานห้างค้าส่งค้าปลีกรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อดันราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม กรมการค้าภายใน จึงได้ร่วมมือกับ โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารในเครือเซ็นทรัล รีเทล โดยโก โฮลเซลล์ได้ให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายในมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เข้าร่วมกิจกรรมการเชื่อมโยงผ่านตลาดข้อตกลง โดยใช้สัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน รวมแล้วกว่า 125 ตัน มูลค่า 5 ล้านบาท (ต.ค.-67 - พ.ค.68) ซึ่งมีผลไม้หลายชนิด ทั้งมังคุด สับปะรด ลองกอง เงาะ สละ ลำไย ลิ้นจี่ และกระท้อน นอกจากนี้ โก โฮลเซลล์ยังได้จัดทำโครงการ GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม โดยมีเป้าหมายในการกระจายผลไม้คุณภาพจากสวนเกษตรกรไทยสู่ผู้บริโภค พร้อมร่วมทำบุญมอบทุนอาหารกลางวันให้โรงเรียนในพื้นที่ที่มีสาขาของโก โฮลเซลล์ตั้งอยู่ทั่วประเทศ ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ในการบริหารจัดการผลไม้ ภายใต้ Thai Fruits Festival 2025 เพื่อกระตุ้นการบริโภค โดยมีผลไม้ราคาพิเศษ อาทิ มังคุด ซื้อ 4 กก.ขึ้นไป กก.ละ 25 บาท หรือ 4 กก. 100 บาท วางจำหน่ายทั้ง 13 สาขา ปริมาณกว่า 100 ตัน เงาะโรงเรียน ซื้อ 3 กก.ขึ้นไป กก.ละ 45 บาท หรือ 3 กก. 135 บาท แก้วมังกร ซื้อ 4 กก.ขึ้นไป กก.ละ 25 บาท หรือ 4 กก. 100 บาท และลำไย กก.ละ 69 บาท พร้อมทั้งโก โฮลเซลล์ได้จัดกิจกรรม GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม เพิ่มเติม ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลไม้ให้เกษตรกร แต่ยังสร้างแรงจูงใจในการบริโภคผลไม้ และปลูกฝังการแบ่งปันให้กับสังคม โดยทุก 1 กก. หรือ 1 หน่วยผลไม้ที่จำหน่ายได้ เท่ากับการบริจาค 1 บาทเข้าสู่ทุนอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียน นายกรนิจกล่าว โครงการ GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรและเยาวชนไทย ผ่านการเลือกซื้อผลไม้ 6 ชนิดที่เข้าร่วม ได้แก่ แตงโม (พันธุ์กินรี ตอปิโด ซอนญ่า), เมลอนเนื้อเขียว, เมลอนเนื้อส้ม, แคนตาลูปซันเลดี้, มะละกอฮอลแลนด์, สับปะรดศรีราชา และกล้วยหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งกล้วยหอม กล้วยคาเวนดิช กล้วยไข่ และกล้วยน้ำว้า โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2568 และจะมีการรวบรวมยอดบริจาคส่งมอบให้โรงเรียนในพื้นที่ในช่วงสิ้นสุดโครงการ กรมการค้าภายในจึงขอเชิญชวนประชาชนทุกท่าน ร่วมอุดหนุนผลไม้จากเกษตรกรไทย นอกจากจะได้บริโภคของดีจากสวนไทยแล้ว ยังได้ร่วมสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ และแบ่งเบาภาระของเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตล้นตลาด เป็นอีกหนึ่งรูปธรรมของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล นายกรนิจ กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 212/2568 “DIT X หอการค้าไทย” จับมือพันธมิตร “สมาคมตลาด-รีเทลยักษ์ใหญ่” ขับเคลื่อน “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ภาคการเกษตรทั่วประเทศ (8 กรกฎาคม 2568)
DIT X หอการค้าไทย จับมือพันธมิตร สมาคมตลาด-รีเทลยักษ์ใหญ่ ขับเคลื่อน ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ภาคการเกษตรทั่วประเทศ วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน หอการค้าไทย และกลุ่มบริษัทค้าปลีก (Retail Business) ชั้นนำ อาทิ CP Extra Makro Lotuss, Big C, GO Wholesale, Tops, The Mall เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ โดยมุ่งบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และเสริมช่องทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ไทย ภายใต้โครงการ Thai Fruits Festival 2025 นายวิทยากร กล่าวว่า กรมการค้าภายในเดินหน้านำนโยบายสู่การปฏิบัติจริง ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายตลาดสด ตลาดกลาง ค้าปลีก-ค้าส่ง และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อเร่งระบายผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยกรมการค้าภายในตั้งเป้าเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้าร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชน จำนวน 150,000 ตันผลไม้ ได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลำไย สับปะรด ลองกอง มะม่วง เงาะ ส้ม ลิ้นจี่ มะพร้าว ส้มโอ เป็นต้น ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนและหอการค้าไทย ในการจัดกิจกรรมการตลาดหลากหลายภายใต้โครงการ Thai Fruits Festival 2025 อาทิ การจัดเทศกาลผลไม้ กิจกรรมส่งเสริมการขาย และการรณรงค์บริโภคผลไม้ไทยตามฤดูกาล นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงตั้งแต่เมษายนถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา ผลไม้ภาคตะวันออก ทั้งทุเรียน เงาะ และมังคุดได้ออกสู่ตลาดในภาวะค้าขายปกติ รวมถึงในช่วงการปิดด่านชายแดนไทย กัมพูชา กรมการค้าภายในติดตามใกล้ชิด และยืนยันไม่มีผลไม้ตกค้างหน้าด่าน เนื่องจากกรมร่วมกับหอการค้าจังหวัดติดตามสถานการณ์และเร่งดูดซับผลผลิตเข้าสู่ตลาดหลักในประเทศ และกระจายต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ กว่า 95,000 ตัน เพื่อให้เกษตรกรได้มีตลาดรับสินค้าเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง และขณะนี้เป็นช่วงผลไม้ภาคใต้ ทั้งทุเรียนชุมพร มังคุดนครศรีธรรมราช เงาะสุราษฎร์ธานี และลองกองจากจังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงมะม่วงที่มีผลผลิตต่อเนื่องตลอดปี และจะตามมาด้วยลำไยจากลำพูนและเชียงใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนบริหารจัดการผลผลิตไม่ให้เกิดภาวะล้นตลาด ซึ่งวันนี้ด้วยความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน หอการค้าไทย และศูนย์ AFC ที่จะเชื่อมโยงทุกเครือข่าย ทั้งค้าปลีก ตลาดสด โรงแรม ภัตตาคาร สมาคมเชฟ รวมถึงสายการบินและบริการขนส่งต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้าและการแปรรูป ยกระดับมูลค่าผลไม้ไทยให้แข่งขันได้ ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเกษตรและอาหารเป็นภาคสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตร แต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากสถานการณ์โลก เช่น มาตรการภาษีของสหรัฐฯ และข้อกำหนดของจีนเกี่ยวกับการตรวจสอบสารในทุเรียน ซึ่งหอการค้าไทยได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหา ยกระดับมาตรฐานการส่งออก และสร้างความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันหอการค้าไทยได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตร (AFC) เพื่อแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยศูนย์ AFC จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลผลผลิตในแต่ละฤดูกาล จากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และเครือข่ายภาคเอกชน ประสานงานกับผู้ประกอบการค้าส่ง ค้าปลีก ผู้แปรรูป โรงแรม ภัตตาคาร รวมถึงเครือข่ายขนส่ง เพื่อวางแผนการตลาดและกระจายผลผลิตได้ทันสถานการณ์ ลดความเสี่ยงผลไม้ตกค้าง และพยุงราคาสินค้าให้เป็นธรรมต่อเกษตรกร โดย ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา ศูนย์ AFC ดำเนินงานร่วมกับ 28 หน่วยงาน ช่วยระบายผลผลิตจากเกษตรกรได้กว่า 218,356 ตัน คิดเป็นมูลค่า 14,172 ล้านบาท นี่คืออีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ศูนย์ AFC และประชาชน ที่จะช่วยกันรักษาเสถียรภาพราคาผลไม้ไทย เสริมรายได้ให้เกษตรกร และสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่น ตลอดจนขยายตลาดผลไม้ไทยไปได้ไกลทั้งในและต่างประเทศ นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 211/2568 “จตุพร” ควง “สุชาติ” ลุยนครศรี แก้ปัญหาราคามังคุด ปล่อยคาราวานรถมังคุด กว่า 40 ตัน กระจายออกนอกแหล่งผลิต ตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” (4 กรกฎาคม 2568)
จตุพร ควง สุชาติ ลุยนครศรี แก้ปัญหาราคามังคุด ปล่อยคาราวานรถมังคุด กว่า 40 ตัน กระจายออกนอกแหล่งผลิต ตามนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.30 น.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต โดยเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ผมดีใจที่ได้มาเยี่ยมพื้นที่พี่น้องชาวสวนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้มีโอกาสพบปะ พี่น้องเกษตรกรชาวสวนมังคุด เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมไปด้วยกัน นายจตุพร กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อแก้ปัญหาความเดือนร้อนให้กับเกษตกร ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเป็นภารกิจแรกหลังการเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งวันนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้น กรมการค้าภายใน ได้นำผู้ประกอบการทั้งห้างค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ สถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 2,200 ตัน เพื่อนำไปจำหน่ายยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว จะมีการหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ พร้อมยืนยันสถานการณ์มังคุดจะคลี่คลายลงใน 2 สัปดาห์ ผ่านกลไกความร่วมมือของทุกภาคส่วน ด้วยนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย สำหรับคาดการณ์ผลผลิตมังคุดในภาคใต้ มีปริมาณ 109,697 ตัน โดยเป็นผลผลิตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณ 40,063 ตัน โดยขณะนี้ของจ.นครศรีธรรมราช ได้เริ่มออกสู่ตลาดแล้วกว่า 40% เพื่อเป็นการรองรับผลผลิตดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้มีแผนและมาตรการรองรับผลผลิตในส่วนของภาคใต้รวมกว่า 64,000 ตัน ผ่านมาตรการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาดของผู้บริโภคโดยการรับซื้อจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ที่ตั้งเป้าการรับซื้อกว่า 6,000 ตัน กิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ Thai fruit festival 2025 และห้างซุปเปอร์ชีปทั่วภาคใต้ กว่า 2,000 ตัน เชื่อมโยงมังคุดภาคใต้ผ่านห้างค้าปลีก-ส่ง ปริมาณ 6,000 ตัน ประสานผู้ส่งออกเร่งเข้ารับซื้อผลไม้ภาคใต้ในพื้นที่ ตั้งเป้ามังคุดนครศรีธรรมราช วันละ 300 ตัน รวมกว่า 15,000 ตัน เพิ่มศักยภาพและส่งเสริมสภาพคล่องให้ผู้รวบรวมรับซื้อผลไม้เพื่อส่งออก ทั้งทุเรียนและมังคุดปริมาณรวม 35,000 ตัน ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้กล่าวถึงการเชื่อมโยง ว่า ในวันนี้กรมการค้าภายใน ได้ดำเนินตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้นำผู้แทนของภาคเอกชนมาลงพื้นที่เพิ่อพบกับพี่น้องเกษตรกรด้วย ประกอบด้วยห้างค้าปลีก-ค้าส่ง มารับซื้อผลผลิตมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยแบ่งเป็น แม็คโครโลตัสในเครือซีพีเอ็กซ์ตร้า จำนวน 1,300 ตัน บิ๊กซี จำนวน 650 ตัน ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 130 ตัน โกโฮเซลล์ จำนวน 40 ตัน และห้างเดอะมอลล์ จำนวน 80 ตัน รวมปริมาณผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราช ที่เข้าสู่กลไกของห้างค้าปลีกค้าส่ง จำนวน 2,200 ตัน นายจตุพร กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ที่จะช่วยพี่น้องเกษตรกรนครศรีธรรมราช ในการกระจายผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราชไปสู่ผู้บริโภค โดยจะปล่อยคาราวานมังคุด ของพี่น้องเกษตรกรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนของพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งหมด 4 กลุ่ม ใน 3 อำเภอ ได้แก่ พรหมคีรี ฉวาง และท่าศาลา จำนวนรถ 13 คัน มังคุดรวมกว่า 40 ตัน มูลค่ากว่า 1,050,000 บาท กระจายไปยังแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้ คือความร่วมมือในการช่วยเหลือกัน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะขับเคลื่อนนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย อย่างจริงจัง และขอให้พี่น้องชาวไทยสนับสนุนช่วยเหลือกัน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง และสร้างรอยยิ้มให้พี่น้องทุกครอบครัว ผมเชื่อมั่นว่า หากเราร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องเกษตรกร จะก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปด้วยกันได้ นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 210/2568 พาณิชย์ร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมลานปาล์มลักลอบทำปาล์มร่วง (30 มิถุนายน 2568)
พาณิชย์ร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมลานปาล์มลักลอบทำปาล์มร่วง นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) มีนโยบายให้กรมการค้าภายในกำกับดูแลสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ เพื่อยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย และการซื้อขายสินค้าเกษตรภายในประเทศให้เกิดความเป็นธรรม อธิบดีกรมการค้าภายในจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายในบูรณาการร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด นายตรวจชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ตรวจสอบกำกับดูแลผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผู้ประกอบการรับซื้อปาล์มน้ำมันในแหล่งพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชุมพรสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล สงขลา ตรัง กระบี่ พังงา และจังหวัดระนอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้า ขณะนี้ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ร่วมกันจับกุมผู้ประกอบการรับซื้อปาล์ม(ลานเท) ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักลอบทำปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ โดยการใช้รถแทรกเตอร์ตักผลปาล์มทะลายบนลานและเทลงผ่านตะแกรงรางเทเพื่อทำให้ ลูกปาล์มร่วงหลุดจากทะลายปาล์มหล่นมาทางร่องตะแกรงและแยกผลปาล์มร่วงลำเลียงใส่รถบรรทุกเพื่อนำไปจำหน่าย ในความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อให้ผลปาล์มน้ำมันร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 25 พ.ศ. 2567 เรื่องการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นอกจากนี้ยังได้ตรวจพบผู้รับซื้อปาล์มน้ำมันไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 69 พ.ศ. 2567เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อสินค้าผลปาล์มน้ำมันตามอัตราน้ำมัน จึงได้ส่งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งที่ผ่านมากรมการค้าภายในจับกุมดำเนินคดีผู้รับซื้อปาล์มที่ฝ่าฝืนกฎหมายไปแล้วรวม 21 ราย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันปริมาณผลปาล์มน้ำมันที่ส่งเข้าโรงงานสกัดมีปริมาณลดลงทำให้เกิดความสมดุลสอดคล้องกับปริมาณกำลังการผลิต สถานการณ์น้ำมันปาล์มโดยรวมจึงคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน 18% ของลานเทในพื้นที่ ราคา 4.40 - 4.60 บาท/กก. ส่วนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน 18% ในราคา 5.20 บาท/กก. ขึ้นไป จึงขอย้ำเตือนให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลปาล์มสุกเต็มที่เพื่อให้ได้ปาล์มคุณภาพ ราคารับซื้อจะขยับสูงขึ้นสอดคล้องตามอัตราสกัดปาล์มน้ำมัน ส่วนผู้ประกอบการขอให้ซื้อผลปาล์มทะลายใหเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ ตลอดจนการแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน รวมทั้งห้ามกระทำพฤติกรรมใดๆ ที่จะเป็นการทำให้ผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่แสดงราคารับซื้อปรับสูงสุด 10,000 บาท รับซื้อไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือทำให้ผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีกดราคารับซื้อต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 209/2568 “พาณิชย์” เปิดเกมรุกผลไม้ใต้ จัดใหญ่ Thai Fruits Festival 2025 กลางงาน Phuket City PRIDE ภูเก็ต ดันมังคุดนครฯ บุกตลาดนักท่องเที่ยว พร้อมเร่งเปิดช่องทางขายออนไลน์ทั่วประเทศ (28 มิถุนายน 2568)
กรมการค้าภายในจับมือห้างซุปเปอร์ชีป จัดงาน “Thai Fruits Festival 2025” กลางเมืองภูเก็ต ช่วงเทศกาล Phuket City PRIDE ดึงนักท่องเที่ยวไทย-เทศร่วมชิมผลไม้ไทยสดจากสวน ไฮไลต์ “มังคุดนครศรีฯ” เชื่อมโยงผลไม้ทุกภาคตามเป้ากว่า 2,100 ตัน จากเกษตรกรทั่วประเทศ กระจายผ่านห้างค้าปลีกซุปเปอร์ชีป 93 สาขาภาคใต้ พร้อมเตรียมขยายช่องทางขายออนไลน์ทั่วประเทศ เพื่อช่วยระบายผลผลิตและสร้างรายได้ให้เกษตรกรในช่วงผลไม้ออกสู่ตลาดจำนวนมาก วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ณ ห้างซุปเปอร์ชีป สาขาถนนเทพกระษัตรี อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมด้วยนางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน โดยอธิบดีฯ เปิดเผยว่า “กรมการค้าภายในได้ร่วมกับห้างซุปเปอร์ชีป จัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ Thai Fruits Festival 2025 ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 รวม 5 วัน เพื่อกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยและช่วยเหลือเกษตรกร ภายใต้แนวคิด “ผลไม้ไทย สดจากสวน สู่มือคุณ” นายวิทยากร กล่าวต่อว่า “กิจกรรมในวันนี้กรมได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารซุปเปอร์ชีป คุณบุญสม อนันตจรูญวงศ์ (โกชาย) กรรมการผู้จัดการ และคุณวรลักษณ์ จิ่วภัทรพงษ์ ในการช่วยรับซื้อผลไม้มาจำหน่ายภายในห้าง ภายใต้แผนบริหารจัดการผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 2568 โดยจะเชื่อมโยงผลไม้ไทยคุณภาพทั่วทุกภาค อาทิ มังคุด จากนครศรีธรรมราชและพังงา ทุเรียน จากพังงาและจันทบุรี เงาะโรงเรียน จากพังงา สับปะรดภูแล จากเชียงใหม่และเชียงราย ส้มสายน้ำผึ้งจากเชียงใหม่ มะม่วงมันขุนศรีและมะม่วงเขียวสามรสจากเชียงราย และสละสุมาลีจากพัทลุง และลองกอง จากจังหวัดจันทบุรีและปัตตานี รวมปริมาณกว่า 2,160 ตัน มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท กระจายผ่านห้างซุปเปอร์ชีปทั้ง 93 สาขาใน 5 จังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ผลไม้ภาคตะวันออก โดยเฉพาะทุเรียนและมังคุดบางส่วน ประสบปัญหาการส่งออกติดขัดจากสถานการณ์การปิดด่านชายแดน ทำให้ผลผลิตตกค้างในช่วงปลายฤดู กรมการค้าภายในได้เร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคเอกชน จนสามารถแก้ไขและระบายผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ ได้ร่วมมือกับห้างซุปเปอร์ชีปนำผลไม้ส่วนที่เหลือจากภาคตะวันออก รวมถึงมังคุดภาคใต้ ที่กรมได้ประสานให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราชนำมังคุดจากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนมังคุด ตำบลละอาย อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมปริมาณ 3 ตัน มาจำหน่ายในกิจกรรมในครั้งนี้เนื่องจากเป็นเทศกาล Pride Parade ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจะมาร่วมเฉลิมฉลอง โดยใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ผลไม้ใต้ และนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายพิเศษ เฉพาะที่สาขาถนนเทพกระษัตรี จังหวัดภูเก็ต เช่น การแจกคูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท จำนวน 2,000 ใบ (วันละ 400 ใบ) เมื่อซื้อสินค้าครบ 100 บาทขึ้นไป ใช้คูปองเป็นส่วนลดซื้อสินค้าผักและผลไม้ นอกจากนี้ ยังมีนาทีทอง “ผลไม้ดีราคาพิเศษ” จำหน่ายมังคุดเพียงกิโลกรัมละ 20 บาท จำกัดวันละ 100 คน “กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยระบายผลผลิตให้กับเกษตรกรในช่วงผลไม้ล้นตลาดเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยทั้งในประเทศและในกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วย ผู้ผลิตสามารถนำผลไม้จากสวนมาจำหน่ายโดยตรงถึงมือผู้บริโภค ลดต้นทุนและสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม หากเกษตรกรท่านใดสนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถติดต่อผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดของท่านได้โดยตรง” กรมการค้าภายในยืนยันจะเดินหน้า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก อย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลไกตลาดควบคู่มาตรการเชิงรุก เพื่อให้ “ผลไม้ไทย” เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นทั้งในและนอกฤดูกาล” นายวิทยากร กล่าว
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ