ข่าวเลขที่ 5/2569 “DIT” เตรียมความพร้อมเครือข่ายร้านขายยา–แพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจและความสะดวกให้ประชาชนมีทางเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาล ลดภาระค่าครองชีพ สู่ระบบสุขภาพเทียบสากล (10 ตุลาคม 2568)
“DIT” เตรียมความพร้อมเครือข่ายร้านขายยา–แพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจและความสะดวกให้ประชาชนมีทางเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาล ลดภาระค่าครองชีพ สู่ระบบสุขภาพเทียบสากล วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า “ตามนโยบายของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ในการขับเคลื่อน “Quick Big Win” เพื่อลดค่าครองชีพและยกระดับระบบบริการสุขภาพของไทย โดยให้ประชาชนมีสิทธิ์สอบถามราคายาก่อนการชำระเงิน และสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลไปเลือกซื้อยาในช่องทางที่จำหน่ายยาภายนอกโรงพยาบาล เพื่อเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ถือเป็นการยกระดับระบบสุขภาพของไทยให้เทียบเท่าสากล และสร้างความโปร่งใสในทุกขั้นตอน กรมการค้าภายในได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมผู้ประกอบการร้านยารวมใจไทย สมาคมร้านขายยา และผู้ประกอบการร้านขายยารายใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ Pharmax, Icare, Super Drug, Fascino, Save Drug, ร้านยากรุงเทพ, Pure Pharmacy (ในเครือบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์), Exta Plus (ในเครือซีพี ออลล์), Boots, Tops Care และร้านยาโลตัส พร้อมกันนี้ ยังมีผู้ให้บริการจำหน่ายยาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Applications) เข้าร่วมด้วย ได้แก่ Telehealth, ยาพร้อม, PharmCare, AskMacy by Fascino, ร้านยากรุงเทพ, All Pharmacy และ BIGYA ซึ่งมีเภสัชกรประจำให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าโครงการนี้จะเป็นการยกระดับระบบสุขภาพของประชาชนให้มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงพยาบาลเอกชน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านยาให้กับประชาชนในวงกว้าง ด้านเภสัชกรวราวุธ เสริมสินสิริ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า “พร้อมสนับสนุนโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ในส่วนของร้านขายยา โดยจะเปิดให้ลงทะเบียน “ร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า” ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยมี อย. เป็นผู้รับลงทะเบียน และให้ผู้ประกอบการประเมินตนเองตามมาตรฐานที่กำหนด ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการจะต้องให้บริการทั้งแบบออนไซต์และเทเลฟาร์มาซี (Telepharmacy) โดยเภสัชกรวิชาชีพที่เป็นสมาชิกของสภาเภสัชกรรม ซึ่งสภาฯ จะเป็นผู้กำกับดูแลขั้นตอนการให้บริการ และอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางและแอปพลิเคชันร่วมกับ อย. เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหาตำแหน่งร้านยา “สุขกาย สบายกระเป๋า” ใกล้บ้านได้ รวมถึงสามารถปรึกษาเภสัชกรผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งใบสั่งยาเพื่อรับคำแนะนำได้โดยตรง ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องมีมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยเทียบเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน ทั้งในกระบวนการจัดเก็บยา การให้บริการ และการให้คำปรึกษา โดยประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับยาคุณภาพในราคาที่เหมาะสม“ นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมซักซ้อมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกัน ทั้งในเรื่องรูปแบบใบสั่งยา การแสดงราคายา การรับรองร้านขายยา และมาตรฐานการให้คำปรึกษาเภสัชกร เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยสำหรับประชาชน โดยทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมต่างแสดงเจตจำนงเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ ภายใต้เป้าหมายร่วมกันในการยกระดับระบบสุขภาพและให้ประชาชนได้รับยาคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้จริง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 กรมการค้าภายในได้ประชุมร่วมกับเครือโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ซึ่งสมัครใจเข้าร่วมด้วยความตั้งใจที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย และเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงยาอย่างเป็นธรรม ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมแล้วรวม 10 เครือครอบคลุมทั้งประเทศ “ขณะนี้ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ โรงพยาบาลเอกชน ร้านขายยา และแพลตฟอร์มออนไลน์ มีความพร้อมร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนระบบสุขภาพที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน ให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เหมาะสมได้จริง โดยระบบใหม่นี้ทำให้คนไทยไม่ต้องเลือกระหว่างคุณภาพกับราคาอีกต่อไป แต่ได้ทั้งสองอย่าง พร้อมสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตัวเอง”นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 4/2569 DIT เดินหน้านโยบายลดค่าครองชีพ หนุนผู้ประกอบการชายแดน ฟื้นตลาดสินค้าผ่านงานธงฟ้าทั่วประเทศ (10 ตุลาคม 2568)
วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า “ตามนโยบายของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นการลดค่าครองชีพและสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น กรมการค้าภายใน (DIT) ได้เดินหน้า โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการชายแดน 7 จังหวัดไทย–กัมพูชา เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าออกนอกพื้นที่ และเพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่น พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี ตราด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และสระแก้ว ซึ่งเป็นแนวชายแดนสำคัญทางการค้าของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการค้าชายแดน กรมการค้าภายในจึงเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเชื่อมโยงตลาดภายในประเทศและตลาดออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง และเข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้างมากขึ้น” นายวิทยากร กล่าวว่า “DIT ได้หารือร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สนับสนุนระบบขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ เพื่อให้ผู้ประกอบการชายแดนสามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำ พร้อมจัดทำระบบเชื่อมโยง “สินค้าชายแดนไทยส่งทั่วไทย” ภายใต้แนวคิด ของดีชายแดน…ถึงมือคนไทยทุกจังหวัด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปในพื้นที่ ในระยะต่อไป DIT จะนำผู้ประกอบการและสินค้าในจังหวัดชายแดนเข้าร่วมจำหน่ายในงาน “มหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพทั่วประเทศ” ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าคุณภาพในราคายุติธรรม โดยจะเริ่มนำร่องที่จังหวัดชลบุรี ก่อนขยายต่อไปยังจังหวัดเศรษฐกิจหลักทั่วประเทศ เพื่อเปิดตลาดใหม่ให้กับสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูป และสินค้าชุมชนจากพื้นที่ชายแดน” “การนำสินค้าชายแดนมาจำหน่ายนอกพื้นที่ เป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและเกษตรกร สร้างรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชน และช่วยให้สินค้าท้องถิ่นเป็นที่รู้จักในวงกว้าง” นายวิทยากรกล่าว พร้อมย้ำว่า การขับเคลื่อนโครงการนี้จะช่วยทั้ง ผู้บริโภคได้ของดีราคายุติธรรม และผู้ผลิตมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทาง “พาณิชย์ลดค่าครองชีพ – เสริมรายได้ – ขยายตลาด” ทั้งนี้ กิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าครองชีพในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน จะมีการจัด “มหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพ” ที่จังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 17–19 ตุลาคมนี้ โดยมี นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ในวันที่ 18 ตุลาคม เพื่อติดตามกิจกรรมและตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าในพื้นที่ด้วย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 3/2569 DIT ระดมความคิด ร่วมเครือโรงพยาบาล เตรียมความพร้อม MOU “ สุขกาย สบายกระเป๋า ” ให้ประชาชนทราบราคายา เลือกซื้อยาในหรือนอกโรงพยาบาลได้ (7 ตุลาคม 2568)
DIT ระดมความคิด ร่วมเครือโรงพยาบาล เตรียมความพร้อม MOU “สุขกาย สบายกระเป๋า” ให้ประชาชนทราบราคายา เลือกซื้อยาในหรือนอกโรงพยาบาลได้ กรมการค้าภายใน (DIT) เดินหน้าร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและสมาคมโรงพยาบาลเอกชน MOU โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” โดยมีการหารืออย่างรอบคอบในทุกด้าน ระดมความคิดเห็นจากแพทย์ เภสัชกร และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้คนไข้ ทราบราคายาและสามารถเลือกซื้อยา จากร้านขายยาข้างนอกได้ ย้ำสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ห้องประชุมกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า “ตามนโยบายรัฐบาลและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่มอบนโยบาย Quick Big Win ในการลดค่าครองชีพประชาชน กรมการค้าภายใน (DIT) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน จัดประชุมเพื่อยกระดับการให้บริการและขอความร่วมมือจากเครือข่ายโรงพยาบาลต่างๆ ในการแจงรายละเอียดราคายาและเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อยาจากร้านขายยาข้างนอกได้ ภายใต้โครงการ “สุขกายสบายกระเป๋า” โดยก่อนหน้านี้ มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการ 5 เครือ จาก 11 เครือ แต่ปัจจุบันได้รับความสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 9 เครือ และยังมีโรงพยาบาลอื่นที่ไม่ได้สังกัดเครืออีกหลายแห่งเข้าร่วม ทำให้จำนวนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง จากสมาชิก 354 แห่ง ได้แก่ เครือ BDMS (ดุสิตเวชการ อาทิ รพ.กรุงเทพ รพ.พญาไท เป็นต้น) เครือโรงพยาบาลธนบุรี เครือ BCH (กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช) เครือบางปะกอก-ปิยะเวช เครือรามคำแหง-วิภาราม เครือ PCL (พริ๊นซิเพิล) เครือจุฬารัตน์ เครือนวมินทร์ และเครือสินแพทย์ และโรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลบีแคร์เป็นต้น เข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านในการปฏิบัติร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “สุขกาย สบายกระเป๋า” เพื่อยกระดับความร่วมมือในการเปิดเผยค่ายาในโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้ นายวิทยากร กล่าวต่อว่า “โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นยกระดับการให้บริการผู้บริโภค ในการขอทราบราคายาและเลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้” โดยถือเป็น Quick Big Win MOU มุ่งให้โรงพยาบาล เอกชนช่วยแบ่งเบาภาระค่าของชีพ ขั้นตอนต่อไป DIT และ อย. จะต้องเตรียมความพร้อม ในการกำหนดคุณสมบัติและลงทะเบียน ร้านขายยาที่มีกว่า 20,000 แห่ง ซึ่งจะประชุมในวันที่ 10 ตุลาคม 68 นี้ โดยหลังจากมีการหารือกันทุกด้านแล้วจะเริ่ม Kick off โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 และหลังจากนั้นทุกโรงพยาบาลและร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการจะมีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อใช้บริการได้อย่าวทั่วถึงต่อไป นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า “ในการแสดงรายละเอียดของโรงพยาบาล จะมี “รายการยาและค่ายา” อย่างชัดเจนในใบแจ้งค่าใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาได้ และ จะได้รับใบสั่งยาเพื่อไปเลือกซื้อยาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ ภายนอกโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล โดยทุกฝ่ายจะมีการร่วมมือประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในการรับบริการและการเลือกซื้อยาให้ทั่วถึง โดยในเฟสต่อไปจะขยายความร่วมมือไปยังคลินิกต่าง ๆ และเข้าไปดูแลเรื่อง มี โครงสร้างราคาต้นทุนยาให้เหมาะสมและเป็นธรรม DIT ย้ำว่าแผนนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม” “วันนี้กรมการค้าภายใน ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดทำ MOU เพื่อเปิดเผยราคายาก่อนการซื้อ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก โดยเน้นให้ประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย สามารถเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ของโรงพยาบาลในกรณีเร่งด่วนหรือฉุกเฉินได้ แต่ยังคงเลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้” “ความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือเพื่อวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน คือ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพิ่มทางเลือก และยกระดับความร่วมมือในการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น และช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐในภาพรวมด้วย” นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 2/2569 DIT ลุยช่วยเกษตรกร พร้อมลดค่าครองชีพประชาชน ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกร จัดให้...หมูถูกคุณภาพดี 2 กก. 100 บาท ทั่วประเทศ (3 ตุลาคม 2568)
DIT ลุยช่วยเกษตรกร พร้อมลดค่าครองชีพประชาชน ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกร จัดให้...หมูถูกคุณภาพดี 2 กก. 100 บาท ทั่วประเทศ DIT เดินหน้าตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ศุภจีฯ จับมือร่วมสมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ร่วมจำหน่ายเนื้อสุกรคุณภาพ ช่วยพยุงราคาหน้าฟาร์มของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และลดค่าครองชีพให้ประชาชน จัดจำหน่ายเนื้อหมูคุณภาพดี 2 กิโลกรัม ราคาเพียง 100 บาท เริ่มจำหน่ายที่งานธงฟ้า และกระจายทั่วประเทศตลอดเดือนตุลาคมนี้ วันที่ 3 ตุลาคม 2568 นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน (DIT) ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดจำหน่ายเนื้อสุกรคุณภาพ ปลอดภัย และถูกสุขอนามัยให้แก่ประชาชนผู้บริโภค ทั้งนี้ เพื่อบริหารจัดการอุปสงค์อุปทานของสุกร เนื่องจากประสบปัญหาราคาสุกรหน้าฟาร์มลดลง ด้วยเกิดจากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงต่อเนื่อง การหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้การบริโภคลดลง ทำให้ปริมาณสุกรมีมากเกินความต้องการบริโภค ราคาขายหน้าฟาร์มจึงต่ำกว่าต้นทุนการผลิต นางสาวญาณี กล่าวต่อว่า “DIT จึงร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ดึงส่วนเกินในปริมาณ 100,000 กิโลกรัม ออกมาจำหน่ายให้แก่พี่น้องประชาชนเพื่อเป็นการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพตามนโยบายท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ โดยนำมาจำหน่ายในราคา 2 กิโลกรัม 100 บาท โดยเน้นย้ำว่าเป็นเนื้อสุกรที่ได้มาตรฐานจากฟาร์มคุณภาพของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ มาเปิดจุดจำหน่ายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมในพื้นที่ในการดูแลความเรียบร้อยในการจำหน่าย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ซื้อเนื้อหมูกันอย่างทั่วถึง รวมทั้งจะนำไปจำหน่ายในงานธงฟ้าของกรมฯ ด้วย และในจุดอื่นๆ จะจำหน่ายพร้อมกันทั้ง 6 ภูมิภาค ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้” นางสาวญาณี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ยังมีมาตรการเพื่อเร่งลดปริมาณสุกรในตลาด ได้แก่ โครงการตัดวงจรลูกสุกร นำมาทำหมูหันทันทีจำนวน 100,000 ตัว เพื่อลดซัพพลายในช่วง 4 เดือนข้างหน้า การขอความร่วมมือบริษัทผู้เลี้ยง 4 รายใหญ่ให้เก็บหมูเข้าห้องเย็นนาน 6 เดือน เพื่อลดปริมาณเนื้อหมูเข้าสู่ตลาด รวมถึงกำหนดน้ำหนักสุกรเข้าเชือด ตัวละไม่เกิน 110 กิโลกรัม เพื่อชะลอปริมาณเนื้อหมูส่วนเกินซึ่งคาดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยทำให้ปริมาณและราคาสุกรกลับมาอยู่ในระดับที่สอดคล้องและเหมาะสมได้ ด้านนายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า “กิจกรรมการเปิดจำหน่ายเนื้อสุกรคุณภาพ ทั้งที่จำหน่ายในงานธงฟ้า และจุดจำหน่ายต่าง ๆ ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ถือเป็นช่องทางที่ช่วยระบายเนื้อหมูเพื่อลดอุปสงค์ได้เป็นอย่างดี และทราบว่าจากการจำหน่ายเนื้อหมูสดในงานธงฟ้า จ.ลำพูนเมื่อช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี ช่วยให้สมาชิกกระบายเนื้อหมูได้มาก ขอขอบคุณภาครัฐ กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่ช่วยเกษตรกรในครั้งนี้” “มาตรการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งกับสมาคมฯ เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาสุกร ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้ได้มีรายได้ที่เหมาะสม และบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดตามจุดจำหน่ายเนื้อหมูคุณภาพราคาประหยัดได้ทางเพจ กรมการค้าภายใน DIT และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ” นางสาวญาณี กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 1/2569 DIT รับลูก รมว.ศุภจี ลุย Quick Big Win ลดค่าครองชีพ–เพิ่มรายได้ ดูแลเกษตรกร–ประชาชน-ผู้ประกอบการ (2 ตุลาคม 2568)
DIT รับลูก รมว.ศุภจี ลุย Quick Big Win ลดค่าครองชีพ–เพิ่มรายได้ ดูแลเกษตรกร–ประชาชน-ผู้ประกอบการ วันที่ 2 ตุลาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน (DIT) เร่งขับเคลื่อนมาตรการด้านการลดค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ โดยยึดแนวทาง “Quick Big Win” เพื่อให้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็วางรากฐานเศรษฐกิจการค้าและการส่งออกให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว นายวิทยากร ระบุว่า ภารกิจสำคัญอันดับแรกคือ การลดค่าครองชีพของประชาชน DIT ได้เดินหน้าจัดมหกรรมธงฟ้า 1,300 ครั้งทั่วประเทศ โดยใกล้สุดเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 ที่จังหวัดศรีสะเกษ และจัดต่อเนื่องในจังหวัดต่าง ๆ ตลอดทั้งปี 2569 รวมทั้งมหกรรมลดราคาสินค้าในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ เทศกาลกินเจ ตรุษจีน และช่วงเปิดภาคเรียน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ครัวเรือน คาดว่าจะลดรายจ่ายประชาชนได้กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมกันนี้ยังมีการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดเมืองใหญ่ และเพิ่มช่องทางจำหน่ายในพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมลดราคาปุ๋ยและยาในโครงการธงเขียวด้วย นายวิทยากร กล่าวต่อว่า “อีกหนึ่งมาตรการที่ถือเป็น Quick Big Win คือการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเปิดเผยราคายาและเวชภัณฑ์ก่อนการชำระเงิน ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเลือกซื้อยาจากร้านขายยาภายนอกได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม คาดว่าจะช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า 32,400 ล้านบาทต่อปี นอกจากนั้นยังช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ และเปิดโอกาสให้โรงพยาบาลเอกชนมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น ด้านเวชภัณฑ์จำเป็น กรมฯ ยังได้เข้ามากำกับต้นทุนสินค้าสำคัญ เช่น ผ้าก๊อซ สำลี แผ่นแปะแผล ชุดตรวจ ATK ถุงมือยาง และแผ่นรองซับ โดยมาตรการดังกล่าวช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกกว่า 1,100 ล้านบาท นอกจากการดูแลค่าครองชีพแล้ว DIT ยังมุ่งรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรที่เป็นหัวใจของเศรษฐกิจฐานราก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีปัญหาสำคัญเรื่องการนำเข้าจากพื้นที่เผาและก่อมลพิษ โดยได้กำหนดมาตรการควบคุมการนำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เพื่อยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ประกันราคารับซื้อที่เกษตรกรพอใจเพื่อให้มีรายได้ที่มั่นคง ส่วนมันสำปะหลัง ได้มีส่งเสริมให้เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปหัวมันสดเป็นมันเส้นเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา และสนับสนุนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มมูลค่าการผลิต รวมถึงผลักดันการใช้พันธุ์ต้านทานโรคใบด่างและควบคุมการนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยไม่ให้ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด” “สำหรับผลไม้และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น กระเทียม หอมแดง และหอมใหญ่ ที่มีผลผลิตออกกระจุกตัวและเน่าเสียง่าย DIT ได้ร่วมกับห้างค้าปลีกและเครือข่ายจำหน่ายทั่วประเทศในการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่เก็บเกี่ยว รวมถึงเชื่อมโยงการซื้อขายล่วงหน้าและจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้ไทย เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและรักษาระดับราคาที่เป็นธรรมทั้งต่อเกษตรกรและผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดทำตัวอย่างการปลูกพืชเศรษฐกิจที่มีตลาดรองรับทดแทน โดยกรมได้เริ่มแปลงตัวอย่างกับสินค้ากล้วยหอม ในอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสามารถส่งออกกล้วยหอมไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ในราคาดี ทำให้ปัจจุบันเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงได้มีการปรับเปลี่ยนพืชเดิมมาปลูกกล้วยหอมกันมากขึ้น โดยแนวทางดังกล่าวจะได้มีการนำไปต่อยอดกับสินค้าเกษตรตัวต่อไป อาทิ แปลงลำไยในจังหวัดลำพูน ที่จะมีการปลูกอาโวคาโด แซมในแปลงลำไย เป็นต้น” “มาตรการ Quick Big Win ดังกล่าวจะดำเนินการทันที โดยผลการดำเนินมาตรการจะมีผลเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ เกษตรกรมีรายได้มั่นคง ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ และเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งในระยะยาว ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งให้เกิด Quick Win พร้อมกับการสร้างรากฐานการค้าไทยที่โปร่งใส ยั่งยืน และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ” นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 284/2568 DIT ลุยจัด “ธงฟ้าลำพูน” เดินหน้านโยบายรัฐบาล ลดรายจ่ายครัวเรือน ขนของกินของใช้กว่า 1,000 รายการ หมูสด 2 กก. 100 บาท ไข่ไก่–ข้าวสาร–น้ำมัน ราคาพิเศษ พร้อมเชื่อมโยงผลไม้มาจำหน่ายในงาน (27 กันยายน 2568)
DIT ลุยจัด “ธงฟ้าลำพูน” เดินหน้านโยบายรัฐบาล ลดรายจ่ายครัวเรือน ขนของกินของใช้กว่า 1,000 รายการ หมูสด 2 กก. 100 บาท ไข่ไก่–ข้าวสาร–น้ำมัน ราคาพิเศษ พร้อมเชื่อมโยงผลไม้มาจำหน่ายในงาน วันนี้ (27 กันยายน 2568) ที่บริเวณพื้นที่เอกชนบ้านแม่สารป่าแดด ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดงาน “มหกรรมธงฟ้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค จังหวัดลำพูน” โดยกรมการค้าภายใน (DIT) จัดขึ้นเพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน ลดรายจ่ายในครัวเรือน และกระตุ้นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้เข้มแข็งซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่มีเป้ามายในการลดรายจ่ายให้กับประชาชน นางสาวญาณี กล่าวต่อว่า “DIT ได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต และผู้ประกอบการ สมาคม ที่ได้นำสินค้าคุณภาพมากกว่า 1,000 รายการ ครอบคลุมกว่า 10 หมวดสินค้า มาจำหน่ายในราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 60% ไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คือ หมูสดราคาพิเศษ 2 กิโลกรัม เพียง 100 บาท ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังมี ไข่ไก่เบอร์ M แผงละ 90 บาท น้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 23 บาท น้ำมันพืชปาล์มขวดละ 40 บาท และข้าวหอมมะลิถุงละ 150 บาท (5 กิโลกรัม) พร้อมด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า เครื่องครัว อุปกรณ์ช่าง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ขนกันมาให้เลือกซื้อครบครัน ในราคาประหยัด นอกจากสินค้าราคาประหยัดที่จำเป็นต่อครัวเรือนแล้ว DIT ยังได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในพื้นที่ โดยนำสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนเข้ามาจำหน่ายภายในงานด้วย เช่น ลองกองสด หวาน ช่อสวยๆ จากอุตรดิตถ์มาจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 35 บาท ซึ่งเป็นผลไม้เด่นของภาคเหนือที่กำลังออกสู่ตลาดในช่วงนี้ รวมถึงผัก ผลไม้ และสินค้าท้องถิ่นอีกหลายรายการ ที่เกษตรกรและผู้ประกอบการในจังหวัดลำพูนได้นำมาจำหน่ายโดยตรง ทำให้ประชาชนไม่เพียงแต่ได้ของดีราคาถูก แต่ยังเป็นการช่วยเกษตรกรระบายผลผลิต เพิ่มช่องทางจำหน่าย และสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชน การจัดงานครั้งนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 กันยายน 2568 ณ พื้นที่เอกชนบ้านแม่สารป่าแดด ถนนลำพูน–ดอยติ ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตรายใหญ่ ผู้ประกอบการ SMEs วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดลำพูน ที่พร้อมใจกันนำสินค้าคุณภาพดีมาจำหน่ายให้พี่น้องประชาชนได้เลือกซื้อในราคาย่อมเยา นางสาวญาณี ศรีมณี กล่าวเพิ่มว่า การจัดมหกรรมธงฟ้าไม่เพียงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าจำเป็นในราคายุติธรรม ลดรายจ่ายในครัวเรือนได้จริง แต่ยังเป็นเวทีในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น เพราะเป็นการเชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรกร ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชน เข้าสู่ตลาดที่มีผู้บริโภคจำนวนมาก ช่วยให้ทั้งประชาชนได้ประโยชน์จากการซื้อสินค้าในราคาพิเศษ และเกษตรกรก็มีรายได้เพิ่มขึ้น”
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 283/2568 DIT คว้ารางวัล CEA Award 2025 เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยโมเดลตลาดใหม่ สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกร (25 กันยายน 2568)
DIT คว้ารางวัล CEA Award 2025 เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยโมเดลตลาดใหม่ สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกร โครงการ DIT X AIR ASIA ต่อยอดผลิตเกษตรกรไทยสู่เมนูบนฟ้า คว้ารางวัล Creative Advocacy Award จากเวที CEA 2025 นำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างโอกาสใหม่และรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกรไทย” วันที่ 25 กันยายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังรับรางวัล ว่า “กรมการค้าภายใน (DIT) กระทรวงพาณิชย์ ได้รับรางวัล Creative Advocacy Award ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลเชิดชูเกียรติจาก หมวด Creative City Awards ของเวที CEA Award 2025 ในวันที่ 24 กันยายน 2568 โดยโครงการดังกล่าวได้รับคัดเลือกเนื่องจากได้นำมีการนำสินค้า วัฒนธรรม อัตลักษณ์ และสินทรัพย์ท้องถิ่น มาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และยกระดับเศรษฐกิจและการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน” โครงการ “DIT X AirAsia” ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่นำผลผลิตที่มีคุณภาพจากเกษตรกรไทย อาทิ ผลไม้ มาพัฒนาเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่มเสิร์ฟบนเที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศของสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินชั้นนำที่มีจุดแข็งในด้านการบริการและมีเที่ยวบินจำนวนมาก ที่จะมาช่วยยกระดับราคา เพิ่มมูลค่าสินค้า และเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารทั่วโลกได้สัมผัสคุณภาพสินค้าเกษตรไทยโดยตรง นายวิทยากร กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็น “Win-Win Situation Model” ที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน เกษตรกรไทยมีตลาดรองรับผลผลิต สายการบินมีเมนูสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผู้โดยสารได้ลิ้มรสความอร่อยของสินค้าไทย และเศรษฐกิจไทยได้รับการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่า “ผลไม้ไทยที่เกษตรกรปลูกด้วยใจ จะถูกส่งต่อด้วยรักผ่านช่องทางและรูปแบบใหม่ ๆ” คือแนวคิดหลักที่สะท้อนความสำเร็จของความร่วมมือนี้ DIT จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ แต่จะถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายช่องทางตลาดให้กับสินค้าเกษตรไทย พร้อมต่อยอดโครงการไปยังสินค้าเกษตรทุกตัว เพื่อสร้างตลาดใหม่ที่ใช้ทั้งนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงขับเคลื่อน “ขอขอบคุณ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA และคณะกรรมการ CEA ที่เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่สร้างสรรค์ต่อเกษตรกรไทยและเศรษฐกิจของประเทศ” นายวิทยากร กล่าว
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 282/2568 “DIT” จับมือ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” เปิดพื้นที่ช่วยเกษตรกร ชวนอุดหนุนสินค้าคุณภาพ ที่พารากอน (23 กันยายน 2568)
DIT จับมือ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เปิดพื้นที่ช่วยเกษตรกร ชวนอุดหนุนสินค้าคุณภาพ ที่พารากอน กรมการค้าภายใน (DIT) ร่วมกับ กูร์เมต์มาร์เก็ต จัดงาน DIT X Gourmet Market Farmers Grow Together เคียงข้างเกษตรกรไทยไปด้วยกัน จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 29 กันยายน 2568 ณ กูร์เมต์ มาร์เก็ต ชั้น G สาขาพารากอน เพื่อเป็นพื้นที่สนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าคุณภาพได้โดยตรงถึงมือผู้บริโภค และเพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาสินค้า นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ร่วมกับ เดอะมอลล์กรุ๊ป จัดงาน DIT X Gourmet Market Farmers Grow Together ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมมือกันมาตลอด เช่น การนำผลไม้แต่ละภูมิภาคมาจัดเป็นงาน Thai Fruit Festival ในส่วนของงานวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมนำสินค้าที่ดีในหลากหลายภาคส่วนของประเทศมาเปิดช่องทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นเกษตรผู้ปลูกผลไม้ กลุ่มปศุสัตว์ รวมถึงผู้ปลูกข้าวที่ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศ โดยนำสินค้าคุณภาพมาจำหน่ายโดยตรงถึงมือผู้บริโภค ซึ่งสถานที่ตั้งของกูร์เมต์มาร์เก็ต สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยตอนนี้ที่มีเป้าหมายจะเป็นจุดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และกลุ่มต่างชาติที่ย้ายมาทำงานในประเทศไทยชั่วคราวหรือที่เราเรียกว่ากลุ่มดิจิทัลนอแมด Digital Nomad ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร อธิบดี DIT กล่าวว่า นอกจากนี้ งานนี้ไม่เพียงให้วิสาหกิจชุมชนมีช่องทางจำหน่ายสินค้า แต่ยังเป็นเสมือนเวทีประกวดนางงาม ที่นำสินค้าเข้ารอบ คุณภาพดี มาจำหน่ายในเมือง โดยหากสินค้าใดมียอดจำหน่ายสูง และสอดคล้องกับความต้องการทางการตลาดของกูร์เมต์มาร์เก็ต ก็จะมีการนำสินค้ามาเชื่อมโยงขายในห้างเป็นสินค้าขายประจำห้างต่อไป นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรผู้ผลิต ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวยังเป็นการสร้างแรงจูงใจสำคัญให้เกษตรกรได้เรียนรู้ด้านการตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ภายในงานได้รวบรวมผลผลิตเกษตรคุณภาพกว่า 80 สินค้า มาจำหน่ายในราคาพิเศษ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ได้รับรางวัลจากการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ซึ่งจัดโดย DIT มายาวนานกว่า 42 ปี เช่น ข้าวหอมมะลิ 105 ตราข้าวนาคุณตาณรงค์ จากอุบลราชธานี (รางวัลชนะเลิศปี 2566) ข้าวหอมมะลิอินทรีย์นครพนม (รางวัลชนะเลิศปี 2564) และยังมีข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพเป็นเลิศและชนะการประกวดในหลายๆ ปี มาร่วมจำหน่าย รวมถึงนำข้าวมาแปรรูปในอีกหลายรูปแบบ เช่น ไอศกรีมที่ทำจากข้าวชนิดต่าง ๆ ที่ยังคงเอกลักษณ์ของข้าวแต่ละชนิดไว้ ข้าวหุงพร้อมทาน เป็นต้น นอกจากข้าวแล้ว DIT ยังได้เชื่อมโยงผลไม้ทั้งผลไม้สดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้ของเกษตรกรมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรงและพิเศษสุดในโซนผลไม้คุณภาพ ที่คัดเกรดระดับพรีเมียมในราคาสุดพิเศษ อาทิ ลำไยจากจันทบุรี ลองกองจาก จ.อุตรดิตถ์ มะพร้าวน้ำหอม GI และฝรั่งไส้แดงจากราชบุรี สับปะรดภูแล GI จากเชียงราย ส้มโอขาวน้ำผึ้งจากสมุทรสงคราม อะโวคาโดจากเพชรบูรณ์ ทุเรียนทอดกรอบจากจันทบุรี และน้ำลำไยหิมะ/ลำไยอบแห้งจากลำพูน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาผลไม้ล้นตลาด ที่ DIT ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องด้วย และภายในงานยังมีผลิตภัณฑ์เนื้อโคไทยจากกิจกรรม หน้าเนื้อ ใจสยาม ที่นำเนื้อโคไทยคุณภาพหลากหลายสายพันธุ์จากเกษตรกรไทย 5 กลุ่มมาจำหน่าย ได้แก่ เนื้อสยามวากิวลูกผสมแองกัส บีฟมาสเตอร์ หรือชาโรเลส์รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากเนื้อโคไทย เช่น เนื้อย่างเสียบไม้ เนื้อแดดเดียว ไส้กรอกเนื้อ ไส้อั่วเนื้อ รวมทั้งยังมีการจำหน่ายกุ้งและผลิตภัณฑ์กุ้งแปรรูปจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร อาทิ กุ้งต้มพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด กุ้งสดแช่แข็ง กุ้งเทมปุระ และกุ้งป๊อป เพื่อกระตุ้นการบริโภคกุ้งในประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกรไทย รองรับความเสี่ยงจากผลกระทบจากนโยบายด้านการแข่งขันทางการค้าจากต่างประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการนำสินค้าไก่งวงและผลิตภัณฑ์ไก่งวงแปรรูปจากวิสาหกิจชุมชนไก่งวงราชบุรี เช่น จ๊อไก่งวง ไส้กรอกไก่งวง ไส้อั่วไก่งวง บาร์บีคิวไก่งวง มาจำหน่าย เพื่อสร้างการรับรู้และการส่งเสริมการบริโภคไก่งวงในประเทศ ตลอดจนเป็นแนวทางการขยายตลาดให้แก่เกษตรกรไทย รวมถึงปลาทูหน้างอคอหักจากแม่กลอง ในหลายรูปแบบ ทั้งปลาทูสด ปลาทูทอด ปลาทูมัน ปลาทูต้มเค็ม มาจำหน่ายอีกด้วย นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณกูร์เมต์ มาร์เก็ต และเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่เล็งเห็นความสำคัญของเกษตรกรไทย เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยได้นำสินค้ามาจำหน่ายโดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร สำหรับพี่น้องประชาชน ขอเชิญชวนมาร่วมอุดหนุนสินค้าคุณภาพจากเกษตรกรไทยในราคาที่เหมาะสม ภายในงาน DIT X Gourmet Market Farmers Grow Together เคียงข้างเกษตรกรไทยไปด้วยกัน มาร่วมอุดหนุนสินค้าจากเกษตรกรไทย และเป็นการให้กำลังใจกับเกษตรกรผลิตสินค้าคุณภาพต่อไป
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

ธ สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ