ข่าวเลขที่ 263/2568 DIT ยกทัพปัจจัยเกษตรจำหน่ายในงานธงเขียวราคาประหยัด ‘ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว’ จ.พิจิตร เกษตรกรแห่ซื้อคึกคัก ลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 5 ล้านบาท (26 สิงหาคม 2568)
DIT ยกทัพปัจจัยเกษตรจำหน่ายในงานธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว จ.พิจิตร เกษตรกรแห่ซื้อคึกคัก ลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 5 ล้านบาท นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้พบปะรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น แต่ราคาผลผลิตยังไม่ปรับตาม กระทรวงพาณิชย์จึงได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน (DIT) เร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีการจัดงานธงเขียวฯ แล้ว ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องเกษตรกร DIT จึงเดินหน้าจัดงาน ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว ต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและบรรเทาต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ภายใต้นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ยึดมั่นในหลักการ พาณิชย์พึ่งได้ สำหรับวันนี้ (26 สิงหาคม 2568) กรมการค้าภายในได้จัดงานขึ้นที่ สหกรณ์การเกษตรตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 26 27 สิงหาคม 2568 โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ผู้ผลิตปุ๋ยเคมี เคมีเกษตร และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ อาทิ โลตัส และโกลบอลเฮ้าส์ ภายในงานมีการจำหน่ายปุ๋ยเคมีราคาพิเศษ ลดสูงสุดกระสอบละ 200 บาท สามารถซื้อได้สูงสุด 5 กระสอบต่อราย ครอบคลุมปุ๋ย 6 สูตร ได้แก่ 46-0-0, 30-0-0, 16-20-0, 15-15-15, 16-8-8 และ 18-8-8 โดยเกษตรกรที่นำสมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว) และบัตรประชาชนมายื่นลงทะเบียน นอกจากนี้ยังมีการจำหน่าย ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช ที่จำเป็นต่อการเพาะปลูกในราคาลดพิเศษ พร้อมทั้งมอบ คูปองส่วนลด 50 บาท สำหรับซื้อเคมีเกษตรภายในงาน นายวิทยากร กล่าวว่า ผมต้องขอขอบคุณสหกรณ์การเกษตรตะพานหินที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการจัดงาน ทำให้เกษตรกรจำนวนมากได้มีโอกาสเข้าถึงปัจจัยการผลิตในราคาถูกลง วันนี้แม้จะเปิดงานเพียงครึ่งวัน บรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคักและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพี่น้องเกษตรกร โดยสามารถจำหน่ายปุ๋ยได้ถึง 2,500 กระสอบ และที่ผ่านมา การจัดงานธงเขียวสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรได้กว่า 2.5 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าปุ๋ย 2 ล้านบาท และ ยาฆ่าแมลงและอุปกรณ์การเกษตรอีก 5 แสนบาท จัด 2 ครั้งลดต้นทุนได้ถึง 5 ล้านบาท อธิบดีกรมการค้าภายในยังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีจังหวัดต่าง ๆ ส่งคำขอให้กรมการค้าภายในจัดงานลักษณะเดียวกันแล้วไม่น้อยกว่า 20 จังหวัด โดยกรมฯ จะทยอยจัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในโอกาสที่มีการประชุมสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีเกษตรกรมารวมตัวอยู่แล้ว จะทำให้บรรยากาศคึกคักและเกิดประโยชน์กับเกษตรกรมากที่สุด
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 262/2568 "สุชาติ" ยกทัพสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดจำหน่ายให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทรา ในงาน "ธงฟ้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดฉะเชิงเทรา" (26 สิงหาคม 2568)
DIT จัดงาน ธงฟ้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดฉะเชิงเทรา นำสินค้าอุปโภคบริโภค 10 หมวด กว่า 800 รายการ ลดสูงสุด 60% และยังมีสินค้าไฮไลท์ ทั้งไขไก่ น้ำตาลทราย น้ำมันปาล์ม ข้าวหอมมะลิ และลำไย มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อช่วยลดการะค่าครองชีพ และเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้า และเชื่อมโยงสินค้าจากผู้ประกอบการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุบคุมการผ่านแดนไทย-กัมพูชา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (25 สิงหาคม 2568) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน(DIT) ได้จัดงาน ธงฟ้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนโดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ทำให้ประชาชนมีความสุข ภายใต้นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภคอย่างเท่าเทียม เพิ่มโอกาสทางการค้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้ทุกครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยจัดงานจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด ระหว่างวันที่ 25 - 27 สิ่งหาคม 2568 ณ วัดกลางบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตรายกลางและรายย่อย (SMEs) วิสาหชุมชน และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการผ่านแดนไทย-กัมพูชา นำสินค้าอุปโภคบริโภค มาจำหน่ายรวม 10 หมวด กว่า 800 รายการ ลดสูงสุด 60% อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรงรส น้ำยาซักผ้า ของใช้ประจำวัน เครื่องครัว อุปกรณ์ช่าง เครื่องแต่งกาย สินค้าชุมชน เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจำหน่ายสินค้าไฮไลท์ ในราคาพิเศษทุกวัน อาทิ ไข่ไก่เบอร์ M แผงละ 90 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 23 บาท น้ำมันพืชปาล์ม ขวดละ 44 บาท ข้าวหอมมะลิ (5 กก.) ถุงละ 135 บาท นอกจากนั้นยังเชื่อมโยง สินค้าจากกลุ่มเกษตรกร และลำไย กิโลกรัมละ 15 บาท และยังเชื่อมโยงสินค้าจากเกษตรกรและผู้ประกอบการจังหวัดสระแก้ว มาจำหน่ายในงานอีกด้วย ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างสภาพคล่องในระบบ รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย โดยกรมการค้าภายในได้ดำเนินการจัดงานธงฟ้าราคาประหยัดอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และกลุ่มเกษตรกร ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอย ผู้ประกอบการมีช่องทางในการจำหน่ายสินค้า และยังเป็นการสนับสนุนนโยบายในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดใกล้เคียง มาเลือกซื้อสินค้าในโครงการนี้ ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพและราคาประหยัดที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เลือกสรรมาให้ท่าน ทั้งสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ของกินของใช้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนได้ตามเป้าหมาย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มีดำริให้จัดงานธงฟ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 261/2568 “จตุพร” ควง “สุชาติ” ลงพื้นที่ตลาดสวนมะม่วง จันทบุรี พูดคุยพ่อค้าแม่ค้า-ประชาชนพื้นที่ หนุนไทยช่วยไทย ใช้เสน่ห์ท้องถิ่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (24 สิงหาคม 2568)
จตุพร ควง สุชาติ ลงพื้นที่ตลาดสวนมะม่วง จันทบุรี พูดคุยพ่อค้าแม่ค้า-ประชาชนพื้นที่ หนุนไทยช่วยไทย ใช้เสน่ห์ท้องถิ่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ วันที่ 24 สิงหาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายกิจฐพร โชติสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ ตลาดสวนมะม่วง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจการค้า ให้กำลังใจแก่พ่อค้าแม่ค้า ประชาชนในพื้นที่ ให้ พาณิชย์พึ่งได้ ตลาดสวนมะม่วง เป็นตลาดเช้าดั้งเดิมที่เปิดตั้งแต่ช่วงตีสองจนถึงเช้า เต็มไปด้วยสินค้าหลากหลาย ทั้งอาหารทะเลสด เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ของแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ และขนมท้องถิ่น สะท้อนวิถีชีวิตของคนจันทบุรีที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ชุมชนไว้อย่างชัดเจน นายจตุพร กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อติดตามการดำเนินงาน โครงการตลาดเครื่องชั่งมาตรฐาน ของกรมการค้าภายใน เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม และสร้างความมั่นใจในการซื้อขายสินค้า พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการ ติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างโปร่งใส ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน การลงพื้นที่ครั้งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยนายจตุพรและนายสุชาติได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าหลายราย สอบถามถึงปัญหาและความเป็นอยู่ พร้อมทั้งชิม ปาท่องโก๋สูตรดั้งเดิม ที่มีน้ำจิ้มรสเปรี้ยวเค็มอันเป็นเอกลักษณ์ของตลาด ซึ่งขายต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงแวะอุดหนุนผัก ผลไม้ ขนมไทย และอาหารเช้าอย่างโจ๊กและต้มเลือดหมูในตลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้ให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า พร้อมยืนยันว่ากระทรวงจะเร่งเดินหน้ามาตรการดูแลผู้ประกอบการรายย่อย ควบคู่กับการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุก เพื่อให้ตลาดชุมชนเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจฐานราก และทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า กระทรวงพาณิชย์เป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริง ที่นายจตุพรได้นโยบาย พาณิชย์พึ่งได้ ที่มุ่งให้กระทรวงพาณิชย์เป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภคและผู้ประกอบการในทุกระดับ ด้วยมาตรการดูแลราคาสินค้า การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อ และการส่งเสริมตลาดชุมชน และ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ที่ส่งเสริมให้คนไทยสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศ อุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยและตลาดท้องถิ่น เพื่อหมุนเวียนรายได้ในชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 260/2568 "จตุพร ประธาน นบขพ. เคาะมาตรการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เสริมเสถียรภาพราคา-ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568/69 วงเงิน 224.5 ล้านบาท พร้อมยังคงมาตรการ 3 ต่อ 1 การนำเข้าข้าวโพด ภายใต้ AFTA ผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ในช่วง 1 ก.พ.-31 ส.ค. 2569" (22 สิงหาคม 2568)
จตุพร ประธาน นบขพ. เคาะมาตรการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เสริมเสถียรภาพราคา-ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568/69 วงเงิน 224.5 ล้านบาท พร้อมยังคงมาตรการ 3 ต่อ 1 การนำเข้าข้าวโพด ภายใต้ AFTA ผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ในช่วง 1 ก.พ.-31 ส.ค. 2569 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) (22 สิงหาคม 2568) ว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่จะดูแลสินค้าเกษตร ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และสร้างสมดุลให้กับทุกภาคส่วน สำหรับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ต้องมีการบริหารให้สอดคล้องกันทั้งระบบ รวมถึงการการดำเนินการเพื่อลดปัญหา PM2.5 โดยยืนยันมติ นบขพ. เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ให้โรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งเปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ในราคา 9.80 บาท/กิโลกรัม และให้ผู้รวบรวมในพื้นที่รับซื้อข้าวโพดสดความชื้น 30% จากเกษตรกรในราคา 7.05 บาท/กิโลกรัม หากภายหลังหากพบว่าวัตถุดิบขาดแคลนหรือมีการกักตุน รัฐจะช่วยดำเนินการหาแหล่งวัตถุดิบทดแทนให้ ทั้งนี้ หากโรงงานอาหารสัตว์ที่ต้องการนำเข้ามีการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาที่ต่ำกว่า 9.80 บาท/กิโลกรัม จะไม่สามารถนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการขอนำเข้า ในสัดส่วน 3:1 ได้ สำหรับมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและส่งแสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568/69 ได้เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568/69 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมวงเงินกว่า 244.50 ล้านบาท และจะเสนอเข้า ครม. เห็นชอบต่อไป ด้าน มาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทนยังคงมาตรการเดิม โดยการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้ AFTA ผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ในช่วง 1 ก.พ.-31 ส.ค. 2569 สำหรับการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องรับซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ให้ใช้การรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ตั้งแต่ 1 ส.ค. 68 เป็นต้นไป มาแสดงประกอบการขออนุญาตนำเข้าข้าวสาลีในปี 2569 โดยให้คณะอนุกรรมการในการติดตามสถานการณ์ด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เกษตรกร และเอกชน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่ง พณ.จะได้นำเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบต่อไป
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 259/2568 "”จตุพร“ รับมอบของบริจาคยูนิลีเวอร์ ช่วยผู้ประสบภัยทั่วประเทศ ขอบคุณไทยช่วยไทย คนไทยไม่ทิ้งกัน พาณิชย์พร้อมเป็นที่พึ่งหวัง ยามวิกฤต" (22 สิงหาคม 2568)
จตุพร รับมอบของบริจาคยูนิลีเวอร์ ช่วยผู้ประสบภัยทั่วประเทศ ขอบคุณไทยช่วยไทย คนไทยไม่ทิ้งกัน พาณิชย์พร้อมเป็นที่พึ่งหวัง ยามวิกฤต วันที่ 22 สิงหาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานรับมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคจากกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เข้าร่วม ณ สำนักงานกลางชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการนี้ มีผู้บริหารกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย นำโดย นายอภิชาติ ศาลิคุปต ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารร่วมส่งมอบสิ่งของจำเป็น รวมทั้งสิ้น 160,788 ชิ้น มูลค่า 5,497,860 บาท ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก และน้ำยาล้างจาน ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ กล่าวว่า การส่งมอบสิ่งของในครั้งนี้ถือเป็นการสะท้อนพลังความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนในการช่วยเหลือประชาชน ตนได้ให้นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เป็น พาณิชย์พึ่งได้ เป็นที่พึ่งหวังของคนไทย สินค้าที่ทางบริษัทได้นำมามอบให้กับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ก็เป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาอย่างต่อเนื่อง ขอให้เชื่อมั่นว่าคนไทยจะไม่ถูกทอดทิ้งในยามวิกฤติ ให้ไทยช่วยไทย คนไทยไม่ทิ้งกัน
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 258/2568 “จตุพร” ปลื้ม ครม. ไฟเขียว “3 มาตรการช่วยข้าวนาปี 68/69” วงเงินกว่า 6 หมื่นล้าน เสริมเสถียรภาพราคา-เพิ่มรายได้เกษตรกรไทยระยะยาว (21 สิงหาคม 2568)
จตุพร ปลื้ม ครม. ไฟเขียว 3 มาตรการช่วยข้าวนาปี 68/69 วงเงินกว่า 6 หมื่นล้าน เสริมเสถียรภาพราคา-เพิ่มรายได้เกษตรกรไทยระยะยาว จตุพร เผย ครม. เคาะ 3 มาตรการช่วยข้าวนาปี 68/69 วงเงินกว่า 6 หมื่นล้าน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกและสร้างความมั่นคงให้เกษตรกรในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบ มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ครอบคลุมผลผลิตเป้าหมาย 8.5 ล้านตัน โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำรายละเอียดโครงการ ตามมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 2/2568 (26 มิ.ย. 68) ที่มีรองนายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน โดย ครม. ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งมี 3 มาตรการ ดังนี้ 1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 ให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางตนเอง 1 5 เดือน ได้รับค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยราคาสินเชื่อข้าวหอมมะลิ 13,000 บาท/ตัน ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ 11,500 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 8,000 บาท/ตัน ข้าวปทุมฯ 9,000 บาท/ตัน ข้าวเหนียว 10,000 บาท/ตัน วงเงินจ่ายขาดประมาณ 9,164.23 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 1 ต.ค.68 31 ธ.ค. 69 2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้สถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน วงเงินจ่ายขาดประมาณ 656.25 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 1 ต.ค. 68 31 ธ.ค. 69 3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2568/69 โรงสีเก็บสต็อก 2 6 เดือน รัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงินจ่ายขาดประมาณ 642.00 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ (19 ส.ค. 68) 31 ต.ค.70 นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการทั้ง 3 โครงการนี้ กระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. จะเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ข้าวนาปีที่กำลังทยอยเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาด โดยเฉพาะช่วงพฤศจิกายน ธันวาคม 2568 ซึ่งจะมีผลผลิตออกมากถึง 19.70 ล้านตัน หรือประมาณ 72% ของผลผลิตทั้งหมด ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวนาปี 2568/69 จะอยู่ที่ 27.22 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.21 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปีก่อน เนื่องจากฝนไม่ทิ้งช่วงต้นฤดูเพาะปลูกจึงมีน้ำเพียงพอเพาะปลูก ซึ่งมาตรการดังกล่าว ที่จะดำเนินการจะสามารถช่วยดึงอุปทานออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก และช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้กับเกษตรกรชาวนาได้ต่อไป มาตรการเหล่านี้ จะช่วยดึงปริมาณข้าวบางส่วนออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกมาก ลดแรงกดดันด้านราคา และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้เกษตรกรขายข้าวได้ในระดับที่เหมาะสม ไม่ถูกกดราคา อีกทั้งยังช่วยให้ชาวนามีรายได้ที่มั่นคงขึ้นในระยะยาว นายจตุพรกล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 257/2568 “DIT” DIT เข้มงวดโรงงานอาหารสัตว์ต้องรับซื้อข้าวโพดภายในประเทศ ก่อนขอโควตานำเข้า ช่วยดึงราคาในประเทศให้เกษตรกร (21 สิงหาคม 2568)
DIT เข้มงวดโรงงานอาหารสัตว์ต้องรับซื้อข้าวโพดภายในประเทศ ก่อนขอโควตานำเข้า ช่วยดึงราคาในประเทศให้เกษตรกร นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรในหลายพื้นที่เริ่มทยอยออกสู่ตลาด แต่ยังพบว่าโรงงานอาหารสัตว์บางแห่งชะลอการรับซื้อหรือจำกัดคิวรับซื้อ ส่งผลให้ราคาข้าวโพดปรับลดลง สร้างความกังวลและเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมการค้าภายในติดตามอย่างใกล้ชิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้มงวดกำกับดูแลโรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่ง เพื่อให้การรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกับสมาคมการค้าพืชไร่ สมาคมการค้าและผลิตพืชไร่จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเพชรบูรณ์และนครสวรรค์ นางสาวญาณี กล่าวต่อว่า โรงงานอาหารสัตว์ที่จะนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ จะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศก่อน โดยราคากำหนดตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ 9.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งการรับซื้อในราคานี้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่โรงงานจะสามารถใช้เอกสารยืนยันในการขออนุญาตนำเข้าข้าวโพดภายใต้โควตา WTO หรือข้าวสาลีได้ ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ประสานขอความร่วมมือกับโรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่ง ให้เร่งเปิดรับซื้อผลผลิตภายในประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร พร้อมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ DIT ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติเป็นไปตามข้อกำหนดและเป็นธรรมต่อเกษตรกร การรับซื้อของโรงงานในราคาดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และจังหวัดข้างเคียง สามารถขายข้าวโพดสดที่ความชื้น 30% ได้ในราคากิโลกรัมละ 7.05 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เกษตรกรสามารถอยู่ได้ นางสาวญาณี กล่าว นอกจากนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปี 2568/69 กรมการค้าภายใน ในฐานะฝ่ายเลขานุการ นบขพ. จะจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 โดยจะเชิญหน่วยงานภาครัฐ เกษตรกร พ่อค้า และโรงงานอาหารสัตว์ มาหารือแนวทางการกำกับดูแลการรับซื้อและการนำเข้าข้าวโพด พร้อมพิจารณามาตรการบริหารจัดการผลผลิตปี 2568/69 ให้สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตที่จะเริ่มออกสู่ตลาดมากในช่วงต้นเดือนกันยายน กรมการค้าภายในให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรและกำกับการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่างเข้มงวด เพื่อให้การผลิตอาหารสัตว์เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน โรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขรับซื้อผลผลิตภายในประเทศก่อน จึงจะมีสิทธิขอโควตานำเข้าได้ นางสาวญาณี กล่าว
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 256/2568 “DIT” ตรวจสอบร้านดังประตูผี ผิดฐานไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ไข่เจียวปูพิเศษ เปรียบเทียบปรับ 2,000 บาท พร้อมสอบต่อกรณีแพงเกินสมควรหรือไม่ (21 สิงหาคม 2568)
DIT ตรวจสอบร้านดังประตูผี ผิดฐานไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ไข่เจียวปูพิเศษ เปรียบเทียบปรับ 2,000 บาท พร้อมสอบต่อกรณีแพงเกินสมควรหรือไม่ กรมการค้าภายใน (DIT) ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านอาหารชื่อดังย่านประตูผี เจ๊ไฝ หลังยูทูบเบอร์ชื่อดัง พีชชี่ โพสต์สื่อออนไลน์เล่าประสบการณ์สั่งเมนูไข่เจียวปู ราคาในเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท ตรวจสอบพบร้านมีการจำหน่าย ไข่เจียวปูแบบพิเศษ VVIP ในราคา 4,000 บาท แต่ไม่ระบุรายการและราคานี้ในเมนูอาหาร เข้าข่ายจำหน่ายสินค้าโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคา จึงดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นพินัย 2,000 บาท พร้อมตรวจสอบต้นทุนเพิ่มเติมว่ามีการจำหน่ายแพงเกินสมควรหรือไม่ หากพบผิดกฎหมายจะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (DIT) เปิดเผยหลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ DIT ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านเจ๊ไฝ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ภายหลังกระแสข่าวจากยูทูบเบอร์ พีชชี่ ที่เผยว่าถูกคิดราคาไข่เจียวปูจริง 4,000 บาท ทั้งที่เมนูแสดงราคา 1,500 บาท นายวิทยากร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหลักฐานและการชี้แจงของผู้ประกอบการ ร้านได้ยอมรับว่าทำเมนูไข่เจียวปูให้ลูกค้าเป็นแบบพิเศษ และไม่ได้มีการแสดงราคาอาหารปรุงสำเร็จสำหรับเมนูพิเศษ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบก่อนตัดสินใจสั่งอาหารจริง โดยแสดงไว้เพียงแค่ราคาจำหน่าย เมนูไข่เจียวปู ราคา 1,500 บาท ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย (เมนูพิเศษ) จึงเปรียบเทียบปรับเป็นพินัย 2,000 บาท ซึ่งร้านได้ชำระค่าปรับแล้ว พร้อมกำชับให้ปิดป้ายราคาให้ชัดเจนและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป ทั้งนี้ ความผิดดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2568 เรื่องการแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 28 และมีโทษตามมาตรา 40 โดยปรับไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นพินัย โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์การปรับเป็นพินัยประกอบกับแนวทางปฏิบัติในการเปรียบเทียบปรับของพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยกำหนดอัตราค่าปรับร้านค้าทั่วไป 1,000 2,000 บาท และนิติบุคคล 3,000 บาท ซึ่งในกรณีนี้เป็นร้านค้าทั่วไป กรมฯ จึงพิจารณาประกอบหลักเกณฑ์ตามข้อกฎหมาย และได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นพินัยในอัตรา 2,000 บาท ซึ่งร้านได้ชำระค่าปรับแล้วในวันตรวจสอบ นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเด็นการจำหน่ายราคาแพงเกินสมควร DIT ได้ให้ร้านชี้แจงต้นทุนวัตถุดิบ เครื่องปรุง ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาวิเคราะห์ความเหมาะสมของราคา หากพบว่าราคาจำหน่ายสูงเกินจริง จะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายวิทยากร กล่าวตอนท้ายว่า กรณีนี้เป็นเคสที่จะย้ำเตือนร้านอาหาร รวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าและบริการ ที่มีหน้าที่ต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน และต้องจำหน่ายให้ตรงกับราคาที่แสดงไว้ (เว้นแต่จำหน่ายถูกกว่า) เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบ และเปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่าก่อนที่จะซื้อสินค้าและบริการดังกล่าว ทั้งนี้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากประกาศ กกร. ในเว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th ทั้งนี้ สำหรับผู้บริโภคและประชาชนที่พบเห็นร้านอาหารไม่ปิดป้ายแสดงราคาและรายละเอียดให้ชัดเจน หรือสงสัยว่าตั้งราคาสูงเกินจริง สามารถแจ้งเบาะแสมายังสายด่วน DIT โทร. 1569 เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างเหมาะสม
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ