ข่าวเลขที่ 231/2568 “สุชาติ” สั่งค้าภายในประสานห้างฯกระจายสินค้าเข้าพื้นที่ชายแดน – ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยเด็ดขาด (28 กรกฎาคม 2568)
สุชาติ สั่งค้าภายในประสานห้างฯกระจายสินค้าเข้าพื้นที่ชายแดน ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยเด็ดขาด นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้กรมการค้าภายใน (DIT) ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชาอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้เร่งกระจายสินค้าและดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน และห้ามไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือกักตุนสินค้าโดยเด็ดขาด ขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากที่อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในหลายพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง จำเป็นต้องได้รับการดูแลเรื่องการเข้าถึงสินค้าจำเป็นอย่างเร่งด่วน ผมจึงกำชับให้กรมการค้าภายในร่วมมือกับภาคเอกชนและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เร่งเติมสต๊อกสินค้าและกระจายเข้าสู่พื้นที่ให้เพียงพอโดยไม่ชักช้า นายสุชาติกล่าว โดยกรมการค้าภายในได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ได้แก่ ซีพี แอ็กซ์ตร้า (แม็คโคร โลตัส โกเฟรช) บิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการจัดส่งสินค้าอย่างเร่งด่วน โดยขณะนี้ผู้ประกอบการยืนยันว่ายังสามารถกระจายสินค้าไปยังสาขาใกล้เคียงและศูนย์พักพิงได้ต่อเนื่อง โดยยังจำหน่ายในราคาปกติ ไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด สำหรับสินค้าที่จำเป็นและมีความต้องการสูงในขณะนี้ ได้แก่ น้ำดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน ยากันยุง ยาทาแก้คัน ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก ยาสามัญประจำบ้าน หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เครื่องนอนชั่วคราว เสื้อผ้า ผ้าห่ม และของใช้จำเป็นต่าง ๆ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ขอให้ผู้ประกอบการเตรียมสต๊อกสินค้าสำหรับหน่วยงานและประชาชนที่ต้องการจัดซื้อเพื่อบริจาคได้อย่างไม่ติดขัด ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าโดยร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด หากพบการกระทำผิด เช่น กักตุน หรือปรับขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุสมควร จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ผมขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกรายที่ร่วมมืออย่างดีในการดูแลพี่น้องประชาชนช่วงสถานการณ์วิกฤติ ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันทำให้สินค้ามีเพียงพอ จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม และเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ นายสุชาติกล่าว
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 231/2568 “จตุพร” ลุยตลาดดอนหวาย ดันตลาดต้องชมทั่วไทย – กำชับดูแลราคาสินค้า หลังอุทกภัย พร้อมมอบ “สุชาติ” ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พักพิงชายแดนไทย–กัมพูชา (26 กรกฎาคม 2568)
จตุพร ลุยตลาดดอนหวาย ดันตลาดต้องชมทั่วไทย กำชับดูแลราคาสินค้า หลังอุทกภัย พร้อมมอบ สุชาติ ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พักพิงชายแดนไทย กัมพูชา วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 จังหวัดนครปฐม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้า ณ ตลาดดอนหวาย จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นหนึ่งใน ตลาดต้องชม ที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในระดับชุมชน และสอดคล้องกับนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ตลาดดอนหวายถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ ตลาดต้องชม ที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยมีการจัดวางพื้นที่การค้าอย่างเป็นระบบ อยู่ใกล้วัดดอนหวาย ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางศาสนา ทำให้ตลาดแห่งนี้มีความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนในทุกมิติ ทั้งการค้าขาย การทำบุญ และการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีผู้คนหลั่งไหลมาจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งสะท้อนพลังของเศรษฐกิจฐานรากที่มีความแข็งแรงและยั่งยืน ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายจตุพร ได้พบปะกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาในการดำเนินกิจการ พร้อมย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าขยายแนวคิด ตลาดต้องชม ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความพร้อม และมีศักยภาพในเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดตลาดต้นแบบที่สามารถเป็นทั้งแหล่งสร้างรายได้และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวในอนาคต ภายในตลาด ยังมีกิจกรรมกระตุ้นการบริโภค เช่น การแจกคูปองส่งเสริมการขาย โปรโมชั่นร่วมกับร้านค้า รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนและเกษตรกรในราคายุติธรรม ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั้งในด้านรายได้ของผู้ค้า และด้านค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดต้องชมไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่ค้าขาย แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชน และสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในระยะยาว ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ และความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยสั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกแห่งดูแลไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือราคาแพง พร้อมกำชับให้ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเข้มงวดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยในพื้นที่ชายแดน ติดตามสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด และร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลด้านสินค้า การกระจายสินค้าเกษตร และอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ โครงการ ตลาดต้องชม เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งยกระดับตลาดชุมชนให้ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย เชื่อมโยงกับมิติทางวัฒนธรรม ศาสนา และการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันมีตลาดที่ได้รับการรับรองแล้วกว่า 251 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ผลิตรายย่อย แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นในทุกภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 230/2568 DIT “สุชาติ” รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ เยี่ยมศูนย์พักพิงชายแดน มอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือพี่น้องคนไทย (26 กรกฎาคม 2568)
สุชาติ รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ เยี่ยมศูนย์พักพิงชายแดน มอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือพี่น้องคนไทย วันนี้ (26 กรกฎาคม 2568) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษว่า ที่จริงมีความตั้งใจจะลงพื้นที่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ แต่เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับฝ่ายทหารและฝ่ายความมั่นคง จึงได้รอจนกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมในพื้นที่อย่างเป็นระบบแล้ว จึงตัดสินใจลงพื้นที่ในวันนี้ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขวิกฤตด้วยความสามัคคี รมช.พาณิชย์ ยังกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น และอาสาสมัคร ที่ร่วมกันอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงอย่างทันท่วงที พร้อมเน้นย้ำว่า แม้สถานที่พักจะไม่สะดวกสบาย แต่สิ่งสำคัญคือ ขวัญและกำลังใจ ที่ประชาชนได้รับจากการดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด อีกเรื่องสำคัญคือ สถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ จากการสืบข้อมูลพบว่า ร้านค้าหลายแห่งเริ่มทยอยปิดทำการ เบื้องต้นทางกระทรวงพาณิชย์ โดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน ติดตามและจับตาสถานการณ์การค้าขายอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลน หรือมีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา ผมเองลงพื้นที่พร้อมกับท่านผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามสถานการณ์และกำชับว่า ห้ามปล่อยให้สินค้าขาดตลาด ห้ามร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคา เพราะคนที่เดือดร้อนคือพี่น้องคนไทยของเรา ทั้งนี้ นายสุชาติได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะ สำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภค มอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยแต่ละชุดประกอบด้วยสิ่งของจำเป็น เช่น น้ำดื่ม ปลากระป๋อง น้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมยูเอชที ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ผ้าขนหนู และกระดาษชำระ นายสุชาติเปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคและพืชผลทางการเกษตรของประชาชนในพื้นที่ชายแดน พร้อมเร่งดำเนินการระบายสินค้าเกษตรคงค้างบริเวณชายแดน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ สำหรับประชาชนที่พบปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือราคาสินค้าไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ภาครัฐสามารถเร่งเข้าไปดูแลและป้องกันการเอาเปรียบได้อย่างทันท่วงที รมช.พาณิชย์ ย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งประชาชน และจะเร่งบูรณาการความช่วยเหลือในทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 229/2568 DIT จับมือ ซีพี แอ็กซ์ตร้า - หอการค้าไทย จัด “AXTRA AGRI-Connext” ขับเคลื่อนตลาดสินค้าเกษตร เชื่อมโยงเกษตรกรสู่โมเดิร์นเทรด (26 กรกฎาคม 2568)
DIT จับมือ ซีพี แอ็กซ์ตร้า - หอการค้าไทย จัด AXTRA AGRI-Connext ขับเคลื่อนตลาดสินค้าเกษตร เชื่อมโยงเกษตรกรสู่โมเดิร์นเทรด วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 กรมการค้าภายใน (DIT) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจ แม็คโคร-โลตัส และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดงาน AXTRA AGRI-Connext มหกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตร สร้างกลไกการตลาดเชิงรุก เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรไทยเข้าถึงช่องทางค้าปลีก-ค้าส่งสมัยใหม่ พร้อมอบรมและให้คำปรึกษาเพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันและรายได้อย่างยั่งยืน นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (DIT) เปิดเผยว่า DIT ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรในการเข้าถึงตลาดโมเดิร์นเทรด ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการกระจายสินค้าเกษตรไปสู่ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง งานครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น ได้พบกับเครือข่ายค้าปลีกชั้นนำ เรียนรู้ความต้องการของตลาด และพัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐาน ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค นายวิทยากร กล่าวต่อว่า การจัดงานในวันนี้ เป็นการวางแผนการตลาดในระยะยาว และการใช้กลไกตลาดซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และปรับตัวได้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างเช่นวันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชาที่มีความไม่สงบ ส่งผลกระทบต่อการค้าขายสินค้าเกษตรของพี่น้องเกษตรกร DIT เร่งเข้าไปดูแล โดยเฉพาะผัก ผลไม้ และพืชผลทางการเกษตร พร้อมเชื่อมโยงตลาดภายในประเทศ เพื่อช่วยระบายสินค้าไม่ให้ตกค้าง และรักษาระดับราคาผลผลิตให้เกษตรกรมีรายได้ต่อเนื่อง การแก้ปัญหาต้องมีแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และผู้บริโภค ตัวอย่างเช่นการร่วมมือช่วยเหลือปัญหาผลไม้ในภาคตะวันออกและใต้ ที่ทุกหน่วยงานร่วมแรงกันอย่างเต็มที่ ขอเพียงเปลี่ยนมุมมอง หันมาสนับสนุนผลไม้ไทย คิดถึงพี่น้องเกษตรกร DIT พร้อมเปิดรับพันธมิตรใหม่ ภายใต้นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย นายวิทยากร กล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกรไม่ใช่แค่การบริโภค แต่ต้องเข้าใจระบบการจำหน่าย แปรรูป และพัฒนาศักยภาพ โดยศูนย์ AFC เป็นพันธมิตรที่ช่วยดูแลผ่านเครือข่ายของกรมอย่างใกล้ชิด เรามุ่งส่งเสริมการแปรรูปเพิ่มมูลค่า ดูแลราคาสินค้าเกษตรอย่างเป็นระบบ เน้นคุณภาพและการสร้าง Story ให้สินค้า ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ยังเร่งขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอินเดียและตะวันออกกลาง ผ่านทูตพาณิชย์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าเกษตรไทยเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น ภายในงาน AXTRA AGRI-Connext มีกลุ่มเกษตรกรกว่า 70 ราย จาก 10 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ ฉะเชิงเทรา นครนายก ลพบุรี สมุทรปราการ สุโขทัย และอยุธยา เข้าร่วมจับคู่ธุรกิจกับห้างค้าปลีกและค้าส่งชั้นนำ พร้อมนำเสนอสินค้าหลากหลาย อาทิ ผักสด ผักปลอดสารพิษ ผักสลัด ผลไม้ตามฤดูกาล ข้าวออร์แกนิก ข้าวกข.43 ปลาสลิด ปลากระพงขาว และผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร การจัดงานในครั้งนี้สะท้อนความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมของภาครัฐและเอกชน ภายใต้เป้าหมายร่วมกันในการยกระดับภาคการเกษตรไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดยุคใหม่ และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรทั่วประเทศ นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 228/2568 ‘DIT จับมือ 4 ปั๊มดัง’ แจก “นมไทย UHT” ผ่านโครงการ “น้ำมันเติมรถ นมสดเติมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ช่วยประหยัดเงินผู้ปกครอง (25 กรกฎาคม 2568)
DIT จับมือ 4 ปั๊มดัง แจก นมไทย UHT ผ่านโครงการ น้ำมันเติมรถ นมสดเติมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ช่วยประหยัดเงินผู้ปกครอง DIT กรมการค้าภายใน เดินหน้าโครงการ น้ำมันเติมรถ นมสดเติมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน แจกนม UHT ผ่านสถานีบริการน้ำมัน 4 แบรนด์ดัง PT PTT Bangchak Succo ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ผู้ประกอบการนมพาณิชย์ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมบริโภคนม เพื่อสุขภาพดีและสนับสนุนเกษตรกร วันนี้ (25 กรกฎาคม 2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มอบหมายให้กรมการค้าภายในเร่งหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม และสนับสนุนผู้ประกอบการนมพาณิชย์ในการระบายสต็อกสินค้า กรมฯ จึงได้ดำเนิน โครงการ น้ำมันเติมรถ นมสดเติมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน เพื่อเพิ่มช่องทางกระจายผลิตภัณฑ์นมกล่อง สู่ผู้บริโภคภายในประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย โดยพร้อมช่วยให้เกษตรกรสามารถขายน้ำนมดิบได้ต่อเนื่อง ลดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด และช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำนมอย่างยั่งยืน โครงการนี้เป็นความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมันรายใหญ่ 4 ราย ได้แก่ PTT Station, PT, บางจาก และ Susco รวม 878 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อร่วมแจกนมกล่อง UHT รสจืด ยี่ห้อ ไทย-เดนมาร์ค และหนองโพ เป้าหมาย 1,000,000 กล่อง ให้กับผู้ใช้บริการที่เติมน้ำมันครบ 400 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับนมฟรี 1 กล่อง ระหว่างวันที่ 25 28 กรกฎาคม 2568 รวม 4 วัน หรือจนกว่าของจะหมด โดยในวันนี้กรมฯ ได้มอบหมายให้นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ติดตามการดำเนินงานโครงการ ณ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station สาขาประชาอุทิศ ลาดพร้าว, PT สาขาประดิษฐ์มนูธรรม, บางจาก สาขาเกษตร นวมินทร์ และ Susco สาขาวิภาวดี 1 ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบการและประชาชนที่ร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก กรมฯ ขอขอบคุณสถานีบริการน้ำมันทั้ง 4 แห่ง ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนการกระจายผลิตภัณฑ์นมให้ถึงมือผู้บริโภค ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมการบริโภคนมในประเทศ แต่ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม และรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำนมดิบให้คงอยู่ได้อย่างยั่งยืน อธิบดีกล่าว นอกจากช่องทางผ่านสถานีบริการน้ำมัน กรมฯ ยังขยายการกระจายผลิตภัณฑ์นมผ่านห้างค้าปลีก ค้าส่ง ร้านธงฟ้า รถโมบายธงฟ้าเคลื่อนที่ และประสานกับหน่วยงานอื่น อาทิ กรมการขนส่งทางบก เพื่อแจกนมในรถโดยสาร และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่น งานวิ่งมาราธอน เป็นต้น โครงการนี้ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรสามารถระบายน้ำนมดิบและผลิตภัณฑ์นมได้ แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้คนไทยหันมาบริโภคนมเพื่อสุขภาพที่ดี และเป็นแบบอย่างของการขับเคลื่อนแนวคิด ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน นายวิทยากรกล่าวเพิ่มเติม กรมการค้าภายใน ขอเชิญชวนประชาชนร่วมสนับสนุนโครงการฯ ด้วยการเติมน้ำมันครบตามเงื่อนไข รับนมฟรี ส่งต่อกำลังใจให้เกษตรกรไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริโภคนมคุณภาพ ผลิตโดยเกษตรกรไทย เพื่อสุขภาพที่ดีและความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 227/2568 พาณิชย์ลุยโปรโมทกุ้งไทย! จัดเทศกาลกินกุ้งทั่วประเทศ หนุนตลาด-ช่วยเกษตรกร (25 กรกฎาคม 2568)
พาณิชย์ลุยโปรโมทกุ้งไทย! จัดเทศกาลกินกุ้งทั่วประเทศ หนุนตลาด-ช่วยเกษตรกร รองอธิบดีกรมการค้าภายในเผย จัดเทศกาลกินกุ้ง 22 จังหวัดทั่วไทย เพิ่มช่องทางจำหน่ายให้เกษตรกร หนุนบริโภคในประเทศ ตามนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ของกระทรวงพาณิชย์ นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยวันนี้ (25 ก.ค.68) ว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าจัด กิจกรรมรณรงค์การบริโภคกุ้งภายในประเทศ ภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันสินค้าประมงปี 2568 เพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้มีช่องทางจำหน่ายที่มากขึ้น และสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคเข้าถึงกุ้งคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ทั้งนี้ เป็นไปตาม นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเร่งดำเนินการดูแลสถานการณ์ราคาให้เกษตรกรสามารถขายกุ้งได้ในราคาที่อยู่ได้ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เพื่อขับเคลื่อนตลาดภายในประเทศ กรมการค้าภายในจึงได้จัดกิจกรรมใน 22 จังหวัด ทั้งในและนอกแหล่งผลิต โดยมีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการจัดงาน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2568 คาดว่าจะเชื่อมโยงและกระจายผลผลิตจากเกษตรกรได้ไม่น้อยกว่า 154,000 กิโลกรัม โดยในแต่ละจังหวัดที่จัดกิจกรรมจะมีการจำหน่ายกุ้งสดจากเกษตรกรโดยตรง อาหารปรุงสำเร็จเมนูกุ้งราคาพิเศษ โปรโมชั่นพิเศษ อาทิ คูปองส่วนลด นาทีทอง ตักละ 99 บาท อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน มาร่วมอุดหนุนกุ้งไทยจากเกษตรกรไทยในกิจกรรมเทศกาลกินกุ้งทั่วประเทศ โดยในช่วงนี้มีการจัดงาน เทศกาลกินกุ้ง - กรุงเก่า ณ ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 23 - 27 กรกฎาคม 2568 ซึ่งนอกจากจะได้ทานกุ้งที่สด สะอาด ได้มาตรฐาน และราคายุติธรรมแล้ว ยังได้ช่วยเกษตรกร แถมยังได้อร่อยกับเมนูกุ้งมากมาย นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมในจังหวัดอื่น ได้แก่ จ.เชียงใหม่ (22-28 ก.ค.) ในงาน Lanna Expo 2025 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่, จ.ภูเก็ต (27-31 ก.ค.) ที่ปลายแหลมสะพานหิน, จ.พิษณุโลก (1,15,29 ส.ค.) ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก, จ.นครสวรรค์ (6-8 ส.ค.) ที่หน้าสวนสาธารณะหนองสมบูรณ์, จ.หนองคาย (6-8 ส.ค.) ที่ศูนย์จำหน่ายและแสดงสินค้า OTOP จังหวัดหนองคาย, จ.อุดรธานี (8-10 ส.ค.) ที่บริเวณสนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี, จ.ขอนแก่น (26-28 ส.ค.) ที่ห้างแฟรี่พลาซ่า ขอนแก่น, จ.ปทุมธานี (28-31 ส.ค.) ที่ห้างโลตัส สาขารังสิตคลองเจ็ด และอีกหลายจังหวัด เพื่อส่งเสริมการบริโภคกุ้งภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ราคากุ้ง ในช่วงเดือนมกราคม พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีผลผลิตกุ้งทะเลรวม 95,446 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกุ้งขาวแวนนาไมมีสัดส่วนถึง 93% ของทั้งหมด ขณะที่การส่งออกลดลงร้อยละ 11 เหลือ 49,209 ตัน คิดเป็นมูลค่า 15,336 ล้านบาท ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัว และความกังวลในมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทำให้คำสั่งซื้อลดลง โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงที่ผลผลิตกุ้งออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก (พ.ค. - ส.ค.) ซึ่งอาจส่งผลให้เกษตรกรได้รับผลกระทบด้านราคาได้ กรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือ ทั้งโครงการส่งเสริมการรณรงค์บริโภคสินค้ากุ้ง เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้แก่เกษตรกร และกิจกรรมรณรงค์บริโภคกุ้งในประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง นางสาวญาณี กล่าวทิ้งท้าย ขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมกิจกรรมเทศกาลกินกุ้งทั่วประเทศ มาช่วยกันบริโภคของดีจากเกษตรกรไทย ไม่เพียงอร่อย สด สะอาด แต่ยังส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ผ่านการเลือกบริโภคกุ้งคุณภาพในราคาที่จับต้องได้
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 226/2568 “สุชาติ” รับลูก ‘จตุพร’ เตรียมพร้อมรับมือ พายุ “วิภา” ดูแลสินค้าจำเป็นในภาวะวิกฤต (24 กรกฎาคม 2568)
สุชาติ รับลูก จตุพร เตรียมพร้อมรับมือ พายุ วิภา ดูแลสินค้าจำเป็นในภาวะวิกฤต นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือเร่งติดตามสถานการณ์อุทกภัยจากพายุโซนร้อน วิภา อย่างใกล้ชิดและรายงานมายังส่วนกลางทราบสถานการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ตนจึงให้กรมการค้าภายในติดตามร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นของใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยให้ประชาชนมีสิ่งจำเป็นใช้ในชีวิตประจำวัน นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ติดตามดูแลกำกับการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ ให้มีปริมาณเพียงพอและราคายุติธรรม โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตที่อาจจะมีการซื้อสินค้าเกินความจำเป็น จึงอยากขอเรียนกับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ว่า หากท่านยังสามารถหาสิ่งของจำเป็นได้ ขอให้ท่านอย่าตื่นตระหนกในการซื้อสินค้าเกินความจำเป็น โดยขอให้มีการกระจายสินค้าไปในพื้นที่ผู้ประสบภัยก่อน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าจำเป็น ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะเร่งประสานภาคเอกชนเพื่อให้การจัดส่งสินค้าและกระจายไปในพื้นที่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด หากพี่น้องประชาชนพบปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือมีเบาะแสการกักตุนสินค้า หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับราคาสินค้าหรือการจำหน่ายที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน โทร. 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง กระทรวงพาณิชย์ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เราจะประสานงานทุกหน่วยงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด นายสุชาติกล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 225/2568 ‘สุชาติ’ ลุยเต็มสูบ 8 มาตรการ ดูดซับลำไย พร้อมแปรรูปกว่า 252,000 ตัน เดินหน้าเชิงรุก ทั้งใน-นอกประเทศ ดันตลาดส่งออก ดึงราคาทั้งระบบ (21 กรกฎาคม 2568)
สุชาติ ลุยเต็มสูบ 8 มาตรการ ดูดซับลำไย พร้อมแปรรูปกว่า 252,000 ตัน เดินหน้าเชิงรุก ทั้งใน-นอกประเทศ ดันตลาดส่งออก ดึงราคาทั้งระบบ วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ผลผลิตลำไยภาคเหนือที่กำลังทยอยออกสู่ตลาดในช่วงฤดูกาลปี 2568 โดยได้ตรวจเยี่ยม สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด อ.สันป่าตอง แปลงสวนลำไย และบริษัท แปรรูปลำไย ณ บริษัท อาร์ เค ฟู๊ด จำกัด อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน โดยได้หารือกับกลุ่มเกษตรกรของสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางบรรเทาปัญหาราคาตกต่ำและการกระจุกตัวของผลผลิต รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรทุกชนิด แต่ปีนี้ลำไยมีผลผลิตมากขึ้นจาก 9 แสนตัน เป็นกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าและวางแผนในการแก้ปัญหาไว้แล้ว โดยจะใช้มาตรการเดิมยังไม่พอ ต้องมีการบริหารจัดการครอบคลุม วันนี้ตนจึงได้ลงพื้นที่เพื่อดำเนินมาตรการเชิงนโยบายเพื่อดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งขับเคลื่อนมาตรการตั้งแต่ต้นฤดู โดยเน้นเชื่อมโยงตลาด และกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต และรักษามาตรฐานการส่งออกโดยขยายตลาดใหม่ๆ ตั้งเป้าในการบริหารจัดการลำไยภาคเหนือ 151,000 ตัน โดยใช้ 8 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. รวบรวมลำไย (สดช่อ) เพื่อส่งออก ปริมาณ 15,000 ตัน 2. จัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ Thai Fruits Festival 2025 ทั่วประเทศ 3. เชื่อมโยงลำไยผ่านเครือข่ายพันธมิตร ปริมาณรวม 65,555 ตัน โดยใช้กลไกผู้ประกอบการ และห้างค้าปลีก-ค้าส่งในการร่วมมือระบายผลผลิต โดยให้ผู้ประกอบการรับซื้อลำไย (รูดร่วง) เกรด B ปริมาณ 60,000 ตัน ในราคานำตลาดไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 4-5 บาท และเชื่อมโยงนำมาจำหน่ายในห้าง แมคโคร โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์ โก-โฮลเซลล์ และเดอะมอลล์ รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง เพิ่มอีกปริมาณ 5,555 ตัน 4.สับสนุนการรับซื้อผ่าน หน่วยงานรัฐ เอกชนผ่านบริษัทตลาดหลักทรัพย์ หน่วยงานราชการ บริษัทมหาชน เพื่อทำ CSR ตลอดทั้งฤดูกาล ปริมาณ 1,380 ตัน 5. สนับสนุนกล่องใส่ลำไย ฟรีค่าขนส่งโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย 6. เชื่อมโยงผู้ประกอบการและสถาบันเกษตรกร รับซื้อผลผลิตโดยตรง ปริมาณ 18,000 ตัน 7. เชื่อมโยงสินค้าเข้าสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง 1,000 ตัน 8. ขยายช่องทางใหม่ๆให้กับลำไย อาทิ ทำเป็นอาหาร เครื่องดื่มผ่าน ตู้เต่าบิน แอร์เอเชีย นอกจากนี้ รมช.พาณิชย์ ยังเพิ่มปริมาณเป้าหมายการรวบรวมรับซื้อลำไย (รูดร่วง) เกรด A เพื่ออบแห้งส่งออกต่างประเทศ จากเดิม 50,000 ตัน (สด) เพิ่มเป็น 101,000 ตัน โดยผ่านโรงอบลำไยที่เป็นเครือข่ายของกรม กว่า 50 แห่ง ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในกลุ่ม 8 จังหวัดภาคเหนือ กำกับดูแลโรงอบลำไยในพื้นที่ให้เปิดรับผลผลิตจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดทำแผนเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดให้มีโรงอบรองรับเพียงพอกับปริมาณลำไยสดทั้งฤดูกาล ในด้านการส่งออกลำไยไปต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าแผนตลาดการส่งออกอย่างจริงจัง ผ่านกลไกทูตพาณิชย์ ทั้ง 58 แห่งทั่วโลก ในการเร่งหาตลาดส่งออกลำไย และยังได้มีกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกผลไม้ ทั้งในรูปแบบการจับคู่เจรจาธุรกิจ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ และการส่งเสริมการขายผลไม้ผ่านห้างสรรพสินค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าเจรจาการค้ากว่า 5,500 ล้านบาท อีกทั้ง การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ผลไม้ไทยผ่านคาแรคเตอร์ น้องฉ่ำฉ่ำ ที่ได้เปิดตัวในช่วงงานแสดงสินค้าอาหาร Thaifex-Anuga 2025 อีกด้วย นายสุชาติ ยังกล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตร วางแผนจัดการเรื่องโซนนิ่ง และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องดูแลต้นทุนการผลิตให้พี่น้องเกษตรกร เพราะแม้ผลผลิตดี ราคาดี ถ้าต้นทุนสูง ก็ไม่ได้กำไร เราจึงต้องแก้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ตนจะมีนโยบายธงเขียว ในการช่วยเหลือเกษตรกรให้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงราคาถูก ต้นทุนเกษตรกรต้องควบคุมให้ได้ นี่คือสิ่งที่กระทรวงพาณิชย?์จะทำตั้งแต่ต้นน้ำ ขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่า กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าสู้ดันเรื่องลำไยอย่างเต็มที่จนจบฤดูกาลแน่นอน และสำหรับสินค้าเกษตรชนิดอื่น เราจะเร่งเข้าไปดูแลตลาดอย่างต่อเนื่องไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเดิม รมช.พาณิชย์ กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ