ข่าวเลขที่ 169/2568 “พาณิชย์” ผนึกเอกชนรับซื้อพริกเชียงใหม่ กู้วิกฤตราคาตกต่ำ ดันราคาขายสูงกว่าทุน เกษตรกรยิ้มได้ (22 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ ผนึกเอกชนรับซื้อพริกเชียงใหม่ กู้วิกฤตราคาตกต่ำ ดันราคาขายสูงกว่าทุน เกษตรกรยิ้มได้ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลผลิตพริกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตสูงเกินความต้องการของตลาด ส่งผลกระทบต่อราคาพริกหน้าสวนตกต่ำลง โดยมีราคาซื้อขายเพียงกิโลกรัมละ 3 6 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรอยู่ที่กิโลกรัมละ 6 บาท สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรในพื้นที่โดยเฉพาะอำเภอฮอดและอำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพริกสำคัญของจังหวัด ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ปลูกพริกกระจุกตัวอยู่ในอำเภอฮอดและอำเภออมก๋อย รวมกันประมาณ 3,500 ไร่ โดยในปี 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตรวมประมาณ 8,500 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ซึ่งมีผลผลิตรวม 5,200 ตัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 39 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการผลิตที่ขยายตัวอย่างชัดเจน เพื่อลดผลกระทบดังกล่าวและรักษาเสถียรภาพราคาพริกตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งส่งเสริมการเข้าถึงตลาดของเกษตรกร กรมการค้าภายในจึงได้ประสานความร่วมมือกับบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงประกอบอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน จากจังหวัดพิษณุโลก และบริษัท เอส.แอนด์ เจ โปรดักท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่อำเภอฮอดและอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เชื่อมโยงตลาดระหว่างเกษตรกรและภาคอุตสาหกรรมการแปรรูป เพื่อรับซื้อพริกสดจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 6-8 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดทั่วไป และคุ้มค่ากว่าต้นทุนการผลิต ในครั้งนี้บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) รับซื้อพริกจากเกษตรกร อำเภอฮอด จำนวน 9,000 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 8 บาท และบริษัท เอส.แอนด์ เจ โปรดักท์ จำกัด รับซื้อพริกแดงจากเกษตรกร อำเภอฮอดและอำเภออมก๋อย โดยเข้าไปรับซื้อตั้งแต่ 5 พ.ค.68 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีเป้าหมายการรับซื้อ 200,000 กิโลกรัม ในราคารับซื้อกิโลกรัมละ 6- 7 บาท ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงช่วยระบายผลผลิตพริกในพื้นที่ แต่ยังส่งผลให้ราคาพริกในจังหวัดเชียงใหม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีราคาขายเพียงกิโลกรัมละ 4 5 บาท ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 6-8 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพึงพอใจและสามารถดำรงชีพได้ นายวิทยากร กล่าว ทั้งนี้ อธิบดีกรมการค้าภายในได้กล่าวแสดงความขอบคุณไปยังบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอส.แอนด์ เจ โปรดักท์ จำกัด ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเข้ารับซื้อพริกจากเกษตรกรในช่วงเวลาสำคัญนี้ พร้อมเน้นย้ำว่า ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรในยามที่ประสบปัญหา การเข้ามาร่วมรับซื้อในราคาที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยพยุงราคา แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรในการเดินหน้าการผลิตอย่างยั่งยืนในอนาคต กรมการค้าภายในจะยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับผู้ประกอบการแปรรูปในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงตลาดและรองรับผลผลิตพริกจากเกษตรกรให้มีทางเลือกในการจำหน่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงเตรียมมาตรการเสริมในกรณีที่ปริมาณผลผลิตเกินความต้องการของตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำซ้ำอีก อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 168/2568 “พาณิชย์” รับลูก “พิชัย” ประสานผู้ประกอบการซื้อมะม่วงโชคอนันต์สุโขทัย (21 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ รับลูก พิชัย ประสานผู้ประกอบการซื้อมะม่วงโชคอนันต์สุโขทัย กรมการค้าภายในรับลูก พิชัย ประสานผู้ประกอบการเข้ารับซื้อมะม่วงโชคอนันต์ จ.สุโขทัย เป้าหมาย 100 ตัน เริ่มรับซื้อทันที 40 ตัน เกษตรกรยิ้มออก ขายผลผลิตได้ราคาดีขึ้นกว่าเดิม นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตมะม่วงในหลายจังหวัดได้เริ่มออกสู่ตลาด และมีมะม่วงบางชนิดที่มีตลาดค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะมะม่วงโชคอนันต์ นายพิชัย นริพพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเร่งนำผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีที่ขายผลผลิต และช่วยผลักดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ กรมได้รับนโยบายและได้ร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุโขทัย ประสานผูู้ประกอบการนอกพื้นที่ ทั้งผู้รวบรวม ผู้ส่งออก และผู้แปรรูป เข้าไปรับซื้อผลผลิตมะม่วงโชคอนันต์จังหวัดสุโขทัย เป้าหมาย 100,000 กิโลกรัม (100 ตัน) โดยเริ่มรับซื้อทันที 40,000 กิโลกรัม (40 ตัน) ณ จุดรวบรวมผลผลิต องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำขุม รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงการเข้าไปรับซื้อผลผลิตมะม่วง นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สุโขทัย เขต 4 พร้อมด้วยนางนัยนภัส สังขนุกิจ พาณิชย์จังหวัดสุโขทัย นายวันดี ขำพันธ์ นายก อบต.น้ำขุม และนายสุริยพงศ์ ชัยวิรัตน์นุกูล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ พบปะเกษตรกรที่นำผลผลิตมาจำหน่าย และรับฟังปัญหาจากเกษตรกรด้วย ซึ่งเกษตรกรที่นำผลผลิตมาจำหน่าย ต่างพึงพอใจ เพราะมีผู้เข้ามารับซื้อผลผลิตถึงที่ และขายได้ราคาดีขึ้นจากเดิม
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 167/2568 “พาณิชย์” ถกผู้ประกอบการ ยัน ATK หน้ากากอนามัย ไม่ขาดแคลน ราคาปกติ (21 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ ถกผู้ประกอบการ ยัน ATK หน้ากากอนามัย ไม่ขาดแคลน ราคาปกติ วันที่ 20 พฤษภาคม 68 กรมการค้าภายในเรียกประชุมผู้ผลิต ผู้นำเข้า ห้างค้าส่งค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ กว่า 20 ราย ติดตามสถานการณ์ชุดตรวจโควิด-19 (ATK) หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ ผู้ประกอบการยืนยันสินค้ามีเพียงพอ ไม่ขาดแคลน และ ราคาจำหน่ายเป็นปกติ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เรียกประชุมผู้ผลิต ผู้นำเข้า ห้างค้าส่งค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ กว่า 20 ราย มาสอบถามถึงสถานการณ์การจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 (ATK) หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ โดยผู้ประกอบการทุกรายยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอ ไม่ขาดแคลนตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนของราคาก็เป็นปกติ ไม่มีการปรับขึ้น มีแต่ปรับลดหรือจัดโปรโมชันลดราคาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการหารือกับผู้ผลิต พบว่า ปัจจุบันมีกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยแค่ 50-60% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกมาก สำหรับวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต เช่น ใยสังเคราะห์ (Spunbond) และแผ่นกรอง (Filter) ก็มีเพียงพอต่อการผลิตหน้ากากอนามัย ส่วน ATK เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้าทั้งหมดและมีข้อจำกัดในการเก็บรักษา เพราะหากเก็บนานน้ำยาจะแห้ง ประกอบกับในช่วงก่อนหน้านี้ คนซื้อน้อย ทำให้ไม่ค่อยมีการสต๊อกสินค้าไว้เป็นจำนวนมาก แต่ผู้นำเข้า ATK ยืนยันว่า สินค้าคงเหลือยังคงมีเพียงพอสำหรับการจำหน่ายให้กับประชาชน และบริษัทมีการนำเข้าเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในขณะนี้ นอกจากนี้ ทั้ง ATK หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ ยังสามารถหาซื้อได้หลายช่องทาง เช่น ห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต ร้านขายยา และแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าได้ เนื่องจากราคาจะขึ้นอยู่กับชนิด ยี่ห้อ และคุณภาพของสินค้า กรมขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ATK หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ มีเพียงพอ แต่หากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบ กักตุนสินค้า หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 หรือแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT กรมจะเข้าไปตรวจสอบ หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายวิทยากรกล่าว การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ติดตามสถานการณ์ ATK หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ อย่าให้ขาดแคลน และป้องกันการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพแก่พี่น้องประชาชน เพราะปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ประกอบกับปัจจุบันเป็นช่วงโรงเรียนเปิดเทอม ทำให้มีการซื้อ ATK หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และเกิดกระแสข่าวว่า ATK และหน้ากากอนามัยบางยี่ห้อขาดแคลน ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 166/2568 “สุชาติ” รับนายกฯ “แพทองธาร” ลงพื้นที่จันทบุรี รุกช่วยเกษตรกรผลไม้ เร่งแผนผลักดันตลาดใน-นอกประเทศ (17 พฤษภาคม 2568)
สุชาติ รับนายกฯ แพทองธาร ลงพื้นที่จันทบุรี รุกช่วยเกษตรกรผลไม้ เร่งแผนผลักดันตลาดใน-นอกประเทศ วันนี้ (17 พฤษภาคม 2568) เวลา 13.30 น. ณ บริษัท ดรากอนเฟรชฟรุท จำก้ด อ.มะขาม จ.จันทบุรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอิทธิ ศิริลัทธยากร, นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายพงศกร อรรณพพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดจันทบุรี เข้าร่วม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเกษตรกรชาวสวนจันทบุรี จึงได้ลงพื้นที่เพื่อมาติดตามสถานการณ์พร้อมเตรียมมาตรการช่วยเหลือผลผลิตของชาวสวนผลไม้อย่างเต็มที่ ทั้งการจำหน่ายในประเทศ และการส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อให้ชาวสวนผลไม้จ.จันทบุรี ได้ขายผลไม้ในราคาที่ดี มีรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยกิจกรรมที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้เร่งขับเคลื่อน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนในการระบายผลผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลผลิตล้นตลาด เพื่อพยุงราคาผลไม้และเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร โดยมีภาคเอกชน 27 ราย จาก 9 กลุ่มธุรกิจ เข้าร่วมรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรรวมกว่า 103,760 ตัน อาทิ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด, ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด, ห้างค้าปลีกอย่างเซ็นทรัล บิ๊กซี โลตัส และยังมีองค์กรสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ไปรษณีย์ไทย ตู้เต่าบิน และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งร่วมจัดซื้อผลไม้ไปใช้ในกิจกรรม CSR และสนับสนุนภายในหน่วยงาน นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในด้านนวัตกรรมการตลาด กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด (เต่าบิน) ลงนาม MOU รับซื้อผลไม้จากเกษตรกรจำนวน 1,000 ตัน เพื่อแปรรูปเป็นเครื่องดื่มผลไม้ปั่นสด พร้อมจำหน่ายผ่าน ตู้เต่าปั่น เริ่มในกรุงเทพฯ เดือนมิถุนายนนี้ และขยายทั่วประเทศ 7,500 ตู้ภายในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นช่องทางใหม่ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง อีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญ คือการร่วมกับบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด รับซื้อผลไม้จากเกษตรกร 1,000 ตัน เช่น ลำไย มังคุด และสับปะรดภูแล เพื่อนำไปแปรรูปจำหน่ายบนเที่ยวบิน ใน Snack Box และร้านค้าในสนามบิน เริ่มดำเนินการตั้งแต่สิงหาคม 2568 ถึงสิงหาคม 2569 เพิ่มมูลค่าและสร้างตลาดใหม่ให้ผลไม้ไทยในกลุ่มผู้เดินทาง นอกจากนี้ในด้านการส่งออก รัฐบาลตั้งเป้าดันผลไม้ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ 4.13 ล้านตัน มูลค่ากว่า 308,000 ล้านบาท โดยเน้นตลาดศักยภาพ เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ CLMV และตะวันออกกลาง ผ่านมาตรการตรวจรับรอง GAP การตั้งศูนย์ Set Zero และ War Room เพื่อผลักดันการส่งออกเร่งด่วน รวมถึงกิจกรรมเจรจาการค้าในต่างประเทศ นายสุชาติ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอของเกษตรกรและผู้ประกอบการโดยตรง และสั่งการให้เร่งแก้ปัญหาเชิงระบบ เช่น การจัดตั้ง One Stop Service ด้านเอกสารส่งออก ลดขั้นตอนที่ล่าช้า การควบคุมคุณภาพผลผลิต และการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการจำหน่ายทุเรียนอ่อน รวมถึงการส่งเสริมการบริโภคในประเทศและการใช้ Soft Power เช่น อินฟลูเอนเซอร์ระดับโลก เพื่อโปรโมทผลไม้ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในแผนการสื่อสารการตลาดของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการเร่งด่วนทั้งในเรื่องคุณภาพผลผลิต ราคาที่เป็นธรรม และการผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่ ตามแผนบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 มีเป้าหมายรวม 950,000 ตัน ครอบคลุมการตลาดภายในประเทศ การส่งออก การแปรรูป และการยกระดับคุณภาพผลไม้ไทยอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม มั่นคง และยั่งยืนตลอดฤดูกาล นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 165/2568 “พาณิชย์” จับมือ “เต่าบิน” รับซื้อผลไม้ทำเมนูปั่น-น้ำผลไม้ ช่วยเหลือเกษตรกร (16 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ จับมือ เต่าบิน รับซื้อผลไม้ทำเมนูปั่น-น้ำผลไม้ ช่วยเหลือเกษตรกร กรมการค้าภายในเซ็น MOU กับบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด หรือเต่าบิน รับซื้อผลไม้สดจากเกษตรกร 1,000 ตัน นำไปทำเมนูผลไม้ปั่น จำหน่ายผ่านตู้เต่าปั่น ดีเดย์ เดือน มิ.ย.นี้ นำร่องพื้นที่กรุงเทพฯ ในห้างชื่อดัง ก่อนเพิ่มเมนูน้ำผลไม้ขายผ่านตู้เต่าบิน 7,500 ตู้ทั่วประเทศเดือน ก.ค. ชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการพยุงราคาผลผลิตทางการเกษตร และเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกรไทย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ในการช่วยกระจายผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาด จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้ฤดูการผลิตปี 2568 อย่างเป็นรูปธรรม โดย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ผลักดันโครงการสนับสนุนการบริโภคผลไม้ภายในประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง โดยมอบหมายให้กรมการค้าภายในเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคเอกชน นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า วันนี้ ได้รับมอบหมายจาก นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อมาเป็นประธานสักขีพยาน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมการค้าภายในโดยนายวิทยากร มณีเนตรอธิบดีกรมการค้าภายใน กับบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด หรือเต่าบิน โดยนายพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร ในการรับซื้อผลไม้ และจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ผ่าน ตู้เต่าปั่น (TAO PUN) ซึ่งเป็นตู้จำหน่ายน้ำผลไม้อัตโนมัติปั่นสด ๆ หรือ สมูทที เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ประชาชนผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าคุณภาพในราคาจับต้องได้ ภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ภายใต้ MOU ดังกล่าว บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด จะรับซื้อผลไม้เพื่อส่งเสริมเกษตรกรไทย ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้ ลำไย สับปะรดภูแล ลิ้นจี่ ลองกอง กล้วยหอมทอง และฝรั่งชมพู เป้าหมายรวม 1,000 ตัน เพื่อรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มน้ำผลไม้คลายร้อน ให้กับพี่น้องประชาชนผู้บริโภค โดยในเฟสแรก ตู้เต่าปั่นจะมีวางจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ได้แก่ เครือเซ็นทรัล บิ๊กซี โลตัส รวม 25 จุดจำหน่าย ในเดือนมิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับเมนูเด่น จะมีเมนูเครื่องดื่มจากมะม่วงน้ำดอกไม้ สร้างสรรค์หลากหลายเมนู เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงสมูทที มะม่วงผสม (Mix) กับผลไม้และส่วนผสมอื่น ๆ เช่น มะม่วงมัทฉะ ตอบรับกระแสนิยม เอาใจมัทฉะเลิฟเวอร์ มะม่วงนมฮอกไกโด มะม่วงชาไต้หวัน มะม่วงสตรอเบอรี มะม่วงสละ มะม่วงลิ้นจี่ เป็นต้น จำหน่ายในราคา 65 บาท โดยมอบโปรโมชันพิเศษ 1 แถม 1 เพื่อให้พี่น้องประชาชนผู้บริโภคได้ชวนเพื่อนและครอบครัวมาทดลองชิมสินค้าดีต่อสุขภาพและได้ช่วยเหลือเกษตรกร นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2568 จะมีเมนูน้ำผลไม้ตามฤดูกาลอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลำไย สับปะรดภูแล ลองกอง ลิ้นจี่ กล้วยหอมทอง และฝรั่งชมพู เป็นต้น จำหน่ายผ่านตู้เต่าบิน 7,500 ตู้ ทั่วประเทศ โดยกรมฯ ช่วยสนับสนุนค่าบริหารจัดการเพื่อช่วยขยายช่องทางในการกระจายผลผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ไทย กรมขอขอบคุณเต่าบิน ที่ร่วมมือรับซื้อผลไม้จากเกษตรกร และพันธมิตรรายใหญ่ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือ พี่น้องเกษตรกร ทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ในเครือเซ็นทรัล บิ๊กซี และโลตัส ในการสนับสนุนพื้นที่จัดวางตู้จำหน่าย เต่าปั่น เต่าบิน เพื่อเสริฟน้ำผลไม้ปั่นสดๆ คุณภาพดี จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันบริโภคน้ำผลไม้ปั่น น้ำผลไม้ ที่จะเริ่มจำหน่ายในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกร นายวิทยากรกล่าว อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่กรมได้เข้าไปเชื่อมโยงผู้ประกอบการให้เข้าไปรับซื้อผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายออกสู่ตลาดใหม่ ๆ ภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ทำให้ราคามะม่วงน้ำดอกไม้ภาคเหนือ ทั้งในเขตพื้นที่ จังหวัดพิจิตร และพิษณุโลก มีราคาดีขึ้น เกษตรกรจะสามารถมีช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้น และมั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายได้ราคาดีตลอดสิ้นสุดฤดูการผลิตปีนี้
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 164/2568 “พาณิชย์” ช่วยแตงโม เชื่อมโยงรับซื้อ กระจายนอกแหล่งผลิต (16 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ ช่วยแตงโม เชื่อมโยงรับซื้อ กระจายนอกแหล่งผลิต วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนจังหวัดคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในทันทีเมื่อพบปัญหา โดยเฉพาะกรณีราคาตกต่ำ นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า กรณีแตงโมชัยนาทถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเร่งเข้าไปแก้ไข เพราะราคาตกลงมาจนไม่คุ้มต้นทุนการผลิต กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประสานให้พาณิชย์จังหวัดชัยนาทลงพื้นที่ทันที พร้อมเชื่อมโยงหน่วยงานในพื้นที่และประสานความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคกลาง และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมหน่วยงานในพื้นที่ เช่น มณฑลทหารบกที่ 13 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ร่วมกันรับซื้อแตงโมจากเกษตรกร ส่งผลให้ประชาชนจากหลากหลายจังหวัด อาทิ พิจิตร สุโขทัย พิษณุโลก และนครสวรรค์ เข้ามารับซื้อแตงโมอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาคเอกชน อย่างร้านสุกี้ตี๋น้อยที่รับซื้อแตงโมวันละ 12 ตัน อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาลผลิต ถือเป็นความร่วมมือที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี ขณะที่พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประสานจังหวัดต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี อ่างทอง และสิงห์บุรี ให้ร่วมสั่งซื้อแตงโม รวมทั้งสิ้น 5,000 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดให้เกษตรกรและช่วยพยุงราคาแตงโมให้ขยับสูงขึ้น นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดกำแพงเพชรได้ร่วมมือกับสำนักงานเกษตรจังหวัด และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกแตงโม จัดกิจกรรมเปิดจุดจำหน่ายผลผลิตแตงโม เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์ราชการจังหวัด จำหน่ายแตงโมราคาพิเศษให้แก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มาติดต่อราชการ โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ลูกละ 20 บาท หรือ 3 ลูก 55 บาท สำหรับลูกขนาด 3 กิโลกรัม และลูกละ 15 บาท หรือ 3 ลูก 40 บาท สำหรับลูกขนาด 2.1 กิโลกรัม ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้แตงโมจำหน่ายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้ง จังหวัดใกล้เคียงอย่างอุทัยธานี ก็ร่วมเชื่อมโยงตลาดด้วยการนำแตงโมชัยนาทไปจำหน่ายในราคาย่อมเยา ลูกละ 20 25 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่ง และก่อนหน้านี้พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตลาดค้าส่งแตงโมโคกดอนหัน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังพบปัญหาด้านราคาเช่นกัน โดยได้ร่วมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และสนับสนุนการบริโภคแตงโมจากแหล่งผลิตโดยตรง เพื่อให้เกิดความสมดุลของตลาด
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 163/2568 พาณิชย์ตรวจเข้มจุดรับซื้อปาล์ม 8 จังหวัดใต้ ดันราคารับซื้อผลปาล์มเพิ่มสูงขึ้น (15 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ตรวจเข้มจุดรับซื้อปาล์ม 8 จังหวัดใต้ ดันราคารับซื้อผลปาล์มเพิ่มสูงขึ้น นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน โดยให้กรมการค้าภายใน กำกับดูแลราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันอย่างใกล้ชิด อธิบดีกรมการค้าภายในจึงได้มอบหมายให้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดในพื้นที่ กำกับการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของโรงงานสกัดและจุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน (ลานเท) อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ในแหล่งผลิตพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล ส่งผลทำให้เกษตรกรได้รับราคาเพิ่มสูงขึ้น ยกระดับรายได้ สร้างเสถียรภาพ เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรไทย จากการตรวจสอบของพาณิชย์จังหวัดและสายตรวจเฉพาะกิจกรมการค้าภายใน ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 เป็นต้นมา ตรวจสอบผู้ประกอบการรับซื้อ จำนวน 77 ราย ประกอบด้วย โรงงานสกัด จำนวน 16 ราย และลานเท จำนวน 61 ราย พบว่ารับซื้อผลปาล์มทะลายในราคาเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกษตรกรมีความพึงพอใจในรายได้ในราคารับซื้อปาล์มทะลาย 18 เปอร์เซ็นต์ ราคา 5.00-5.70 บาท/กก. นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรและติดตามให้มีการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันในราคาตามมติที่ประชุมแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมัน เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้ปริมาณผลปาล์มเข้าสู่ตลาดเริ่มลดลง โดยขอให้ทางโรงงานสกัดเร่งสกัดเต็มกำลังการผลิต เพื่อลดปริมาณผลปาล์มที่ค้างอยู่หน้าลาน และจะได้นำผลผลิตปาล์มที่มีคุณภาพสดใหม่เข้าสู่กระบวนการผลิต ส่งผลให้อัตราเปอร์เซ็นต์การสกัดเพิ่มสูงขึ้น จึงขอให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มตัดปาล์มสุกเต็มที่ เพื่อให้ได้ราคาดีและจะได้น้ำหนักเพิ่มด้วย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการโรงสกัดน้ำมันปาล์มและลานเทให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กำชับให้ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจนและเปิดเผย โดยได้ส่งสายตรวจเฉพาะกิจ สับเปลี่ยนกำลังลงพื้นที่เฝ้าติดตามตรวจสอบพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง จึงขอเตือนให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการรับซื้อผลปาล์มทะลาย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ ตลอดจนการแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน รวมทั้งห้ามกระทำพฤติกรรมใดๆ ที่จะเป็นการทำให้ผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติอย่างเคร่งครัด หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่แสดงราคารับซื้อ หรือแสดงไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีกดราคารับซื้อต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีทำผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้งตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบการกระทำความผิดข้างต้นจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายผลปาล์มน้ำมันหรือสินค้าเกษตรอื่น รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งสายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 162/2568 นายกรัฐมนตรี เดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ พร้อมรุกตลาดในและต่างประเทศ (13 พฤษภาคม 2568)
นายกรัฐมนตรี เดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ พร้อมรุกตลาดในและต่างประเทศ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในช่วงฤดูกาลผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งระบายผลไม้ภายในประเทศและผลักดันการส่งออกอย่างเป็นระบบ นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาผลผลิตล้นตลาด โดยเฉพาะมะม่วง มังคุด เงาะ และทุเรียน จึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม และภาคเอกชน เร่งดำเนินแผนรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรในแหล่งผลิต พร้อมขยายการจำหน่ายในประเทศผ่าน 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การรับซื้อเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภค รับซื้อเพื่อกิจกรรม CSR รับซื้อเพื่อบริโภคในองค์กร รับซื้อโดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมราชทัณฑ์ เพื่อนำไปประกอบอาหาร โดยวันนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน 9 กลุ่ม 27 ราย ในการรับซื้อผลไม้รวม 103,760 ตัน โดยมีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมผู้ค้า-ส่งออกผลไม้ไทย และเอกชนรายใหญ่อย่าง บ.สหพัฒนพิบูล จำกัด บ.ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด รับซื้อผลไม้รวมปริมาณกว่า 55,500 ตัน ด้านห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ รับซื้อผลไม้กว่า 34,450 ตัน ปั๊มน้ำมัน ตู้เต่าบิน ไปรษณีย์ไทย หน่วยงานรัฐและมูลนิธิต่าง ๆ อีกรวม 13,810 ตัน รัฐบาลขอขอบคุณพันธมิตรภาคเอกชนที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในปีนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ในประเทศ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เกษตรกร ยกระดับราคาผลไม้ให้เหมาะสมอย่างทั่วถึงตลอดฤดูกาลโดยรณรงค์บริโภคผลไม้ผ่านสื่อโซเชียล โดย KOL ที่มีชื่อเสียง เพื่อขยายฐานผู้บริโภค รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริม เช่น การประกวดเมนูอาหารจากผลไม้สดและนวัตกรรม งาน Thai Fruits Festival ซึ่งคาดว่าจะช่วยระบายผลไม้ในประเทศได้กว่า 346,500 ตัน จากเป้าหมายรวม 730,000 ตัน ในส่วนของมาตรการการส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศ ปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าการส่งออก ปริมาณ 4.13 ล้านตัน (+120,000 ตัน : +3%) มูลค่า 8,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ : +2%) หรือ 308,000 ล้านบาท (+2,200 ล้านบาท : +2%) โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน รัฐบาลได้มีมาตรการด้านการสร้างความเชื่อมั่นผลผลิต โดยรัฐบาลเร่งผลักดันการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP และตั้งศูนย์ Set Zero เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพผลไม้ไทย รวมถึงจัดตั้ง War Room เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกอย่างเร่งด่วน พร้อมจัดชุดเฉพาะกิจเจรจากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งล่าสุดสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ได้ประกาศลดระดับการสุ่มตรวจสาร BY2 สำหรับทุเรียนไทยที่มีระบบจัดการดี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม ถือเป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สำหรับตลาดต่างประเทศ รัฐบาลวางกลยุทธ์เจาะ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มตลาดศักยภาพ 7 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร กลุ่มตลาดส่งเสริมภาพลักษณ์ 2 ภูมิภาค คือ ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ผลไม้ไทย กลุ่มตลาดที่สะดวกต่อการขนส่ง 4 ประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งสามารถขยายการส่งออกผ่านระบบโลจิสติกส์ที่มีต้นทุนต่ำ นอกจากนี้ ภาครัฐจะดำเนินการส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในต่างประเทศ ผ่านการร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (Trade Fairs) และการส่งเสริมการขายในต่างประเทศ (Trade Promotion) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดผลไม้ไทยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ผลไม้ไทยคือสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นเอกลักษณ์ รัฐบาลจะเดินหน้าเต็มที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรไทยได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมและมั่นคง นายกรัฐมนตรีกล่าว ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 โดยมีเป้าหมาย : 950,000 ตัน ประกอบด้วย 7 มาตรการ 25 แผนงาน 1. มาตรการสร้างความเชื่อมั่นผลผลิต 4 แผนงาน 2. มาตรการส่งเสริมตลาดในประเทศ 8 แผนงาน เป้าหมาย 730,000 ตัน 3. มาตรการส่งเสริมการแปรรูปและปรับพื้นที่เกษตรให้เหมาะสม 2 แผนงาน เป้าหมาย 220,000 ตัน 4. มาตรการส่งเสริมตลาดต่างประเทศ 4 แผนงาน 5. มาตรการยกระดับสินค้าผลไม้ไทย 3 แผนงาน 6. มาตรการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกการค้า 2 แผนงาน 7. มาตรการกฎหมาย 2 แผนงาน
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ