ข่าวเลขที่ 177/2568 กรมการค้าภายใน จับมือ กยท. เดินหน้าดูแลเกษตรกรยางพารา ตรวจเข้มเครื่องชั่ง – ขยายตลาดส่งออก (27 พฤษภาคม 2568)
กรมการค้าภายใน จับมือ กยท. เดินหน้าดูแลเกษตรกรยางพารา ตรวจเข้มเครื่องชั่ง ขยายตลาดส่งออก นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ว่า จากกรณีที่กรมฯ ได้รับข้อเรียกร้องจากเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในหลายจังหวัด ขอให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ออกมาตรการกำกับดูแลสินค้ายางพาราเพิ่มเติม จากมาตรการที่มีอยู่เดิม เช่น การกำหนดราคาซื้อขั้นต่ำ การแจ้งต้นทุน การควบคุมแผนการผลิต การนำเข้า-ส่งออก การควบคุมการขนย้าย และการป้องกันการปั่นป่วนราคายางในตลาด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 กรมการค้าภายในจึงได้หารือกับนายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการผู้ว่าการ กยท. เพื่อพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนใช้มาตรการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ปัจจุบัน กกร. ได้กำหนดให้ยางพารา รวมถึงน้ำยางสด ยางก้อน เศษยาง น้ำยางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง และยางเครพ เป็นสินค้าควบคุม ตามประกาศ กกร. ฉบับที่ 9 พ.ศ. 2567 พร้อมออกมาตรการกำกับดูแล อาทิ การกำหนดให้ผู้รับซื้อตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ต้องแจ้งข้อมูลปริมาณยางพาราเป็นรายเดือน และการแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน โปร่งใส ตรงกับราคาจริง สำหรับข้อเสนอของเกษตรกรในการกำหนดราคารับซื้อ ตามมาตรา 25 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 นั้น กรมฯ ได้ขอให้ กยท. จัดทำข้อมูลต้นทุนการผลิตและโครงสร้างราคายางอย่างละเอียด เพื่อประกอบการพิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการ กกร. พิจารณาอย่างรอบคอบ ในการกำหนดราคายางพาราที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า ในด้านการกำกับดูแลการซื้อขาย กรมการค้าภายในร่วมกับ กยท. และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการตรวจสอบการติดป้ายราคารับซื้อ และตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนักที่ใช้ในการซื้อขายยางพาราอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความโปร่งใสและป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกร โดยที่ผ่านมาได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดที่ดัดแปลงเครื่องชั่งให้แสดงน้ำหนักต่ำกว่าความเป็นจริงในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจพบเครื่องชั่งสปริงดัดแปลงในรถเร่รับซื้อเศษยาง จังหวัดเลย พบเครื่องชั่งแสดงน้ำหนักต่ำกว่าความจริงประมาณ 10 กิโลกรัม และจังหวัดบึงกาฬ พบเครื่องชั่งแสดงน้ำหนักต่ำกว่าจริงราว 8 กิโลกรัม ซึ่งผู้กระทำผิดทั้งหมดถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ในส่วนของตลาดต่างประเทศ กรมฯ และ กยท. ได้เห็นชอบร่วมกันในการขยายโอกาสทางการตลาด โดยเน้นการเจาะตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ที่มีความต้องการใช้ยางพาราในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายตลาดเดิม เช่น สหภาพยุโรป ด้วยการยกระดับคุณภาพสินค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกและราคายางของไทย โดยกรมฯ จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกับ กยท. วางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมยางพาราไทยในตลาดโลก นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินงานในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้างกลไกตลาดที่โปร่งใส และยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 176/2568 “กรมการค้าภายใน” ขนผลไม้ไทย เปิด “DIT Pavilion” FRESH FROM FARM Hall 9 ในงาน THAIFEX–ANUGA ASIA 2025 ดันเกษตรไทยสู่ตลาดโลก (26 พฤษภาคม 2568)
กรมการค้าภายใน ขนผลไม้ไทย เปิด DIT Pavilion FRESH FROM FARM Hall 9 ในงาน THAIFEX ANUGA ASIA 2025 ดันเกษตรไทยสู่ตลาดโลก กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัด DIT Pavilion ในงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก THAIFEX ANUGA ASIA 2025 ระหว่างวันที่ 27 31 พฤษภาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี FRESH FROM FARM Pavilion Hall 9 บูธ DD27 ขนผลไม้ไทยและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้ไทยสู่ตลาดโลก แสดงศักยภาพสินค้าเกษตรไทยที่พร้อมแข่งขันทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และความคิดสร้างสรรค์ ไฮไลท์ในงานมีการนำผลไม้ไทยมาเมนูทั้งคาวและหวาน โดยกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ของกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่และขยายตลาดเดิม เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน นำผลไม้ไทยเกรดพรีเมียม เข้าร่วมงาน THAIFEX ANUGA ASIA 2025 ในครั้งนี้ เพื่อโอกาสสำคัญในการผลักดันผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยเฉพาะผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และสินค้านวัตกรรม ซึ่งภายใต้ DIT Pavilion ปีนี้ เราได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพหลากหลาย ทั้งในระดับอุตสาหกรรมและชุมชน โดยเน้นการนำเสนอสินค้าที่มีรสชาติเอกลักษณ์ คุณภาพดี และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก นายวิทยากร กล่าวต่อว่า ภายในงานผู้เข้าร่วมจะได้พบกับผลไม้ไทยคุณภาพส่งออก (เกรดพรีเมียม) รวมถึงสินค้าแปรรูปที่ผ่านการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน จากผู้ประกอบการทั้ง 8 ราย ประกอบด้วยบริษัท 5 ราย ได้แก่ สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย และบริษัท มาตา เทรดดิ้ง จำกัด ที่นำเสนอผลไม้สดคุณภาพส่งออก อาทิ ทุเรียน มังคุด และมะม่วง บริษัท ตะวันพืชผล จำกัด นำผลิตภัณฑ์กระเทียมและหอมแดงอบแห้ง บริษัท นานาฟรุ๊ต จำกัด นำเสนอผลไม้แปรรูป เช่น ลำไยอบแห้ง แก้วมังกร มะม่วง สับปะรด และกล้วย รวมถึงบริษัท ฟอร์ทเวนดิ้ง จำกัด ที่นำน้ำผลไม้ปั่นจากตู้เต่าบินมานำเสนอในรูปแบบนวัตกรรมใหม่ พร้อมทั้งมีผู้ประกอบการชุมชนภายใต้การส่งเสริมของกรมฯ อีก 3 ราย ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์ นำเสนอเม็ดมะม่วงหิมพานต์ปรุงรส วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรปลูกรัก จังหวัดตาก นำเสนอสมุนไพรแปรรูป เช่น ขิงและขมิ้นชัน และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพผลไม้สดและผลผลิตทางการเกษตรแปรรูปบ้านดอนทอง จังหวัดนครปฐม ที่นำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยมาร่วมแสดง สำหรับไฮไลท์ในงานจะมีการสาธิตการทำอาหารโดยใช้ผลไม้ไทยเป็นวัตถุดิบ โดยทำทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน ให้นักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เปิดรสสัมผัสใหม่ ๆ โดยได้ชิมรสชาติของผลไม้ที่แตกต่างจากผลไม้สด แต่ยังคงความอร่อยและความเป็นไทย สำหรับปี 2567 ที่ผ่านมา การเข้าร่วมงาน THAIFEX ของผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมฯ สามารถสร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจรวมกว่า 132 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดการเจรจาซื้อขายล่วงหน้า 132 ล้านบาท และยอดซื้อขายภายในงาน 390,000 บาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสินค้าไทยในเวทีการค้าโลก กรมการค้าภายในขอเชิญชวนผู้สนใจสามารถเข้าชมและเจรจาธุรกิจได้ในวันที่ 27 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 18.00 น. และในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จะเปิดจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป เวลา 10.00 20.00 น. ณ อาคาร Challenger 1 3 และ IEC Hall 5 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเป็นการสนับสนุนสินค้าไทย โดยเฉพาะผลไม้ไทย จึงขอเชิญผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ ร่วมสัมผัสรสชาติความสดใหม่จากสวนไทย และเปิดโอกาสขยายตลาดสินค้าเกษตรไทย นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 175/2568 กรมการค้าภายในเพิ่มมาตรการดูแลเครื่องวัดความยาวเลเซอร์ สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน (26 พฤษภาคม 2568)
กรมการค้าภายในเพิ่มมาตรการดูแลเครื่องวัดความยาวเลเซอร์ สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน กรมการค้าภายใน ขยายการดูแลเครื่องชั่งตวงวัดให้ครอบคลุมถึงเครื่องวัดความยาวชนิดเลเซอร์แบบกล้องประมวลผลรวม (Total Station) ให้ความสำคัญกับความถูกต้องแม่นยำของเครื่องชั่งตวงวัดที่ใช้ในภาคการค้า ภายใต้พระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามออกประกาศกระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลความถูกต้องเที่ยงตรงเครื่องวัดความยาวชนิดเลเซอร์แบบกล้องประมวลผลรวม (Total Station) โดยกำหนดอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดอ้างอิงตามมาตรฐานสากล (International Organization of Legal Metrology : OIML) และกำหนดอายุคำรับรองทุก 1 ปี เครื่องวัดชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในหลายภาคส่วน เช่น งานก่อสร้าง การสำรวจที่ดิน การวัดระยะถนน และการศึกษา จึงมีความจำเป็นต้องกำกับดูแลให้เครื่องมือที่ใช้งานมีความแม่นยำและเป็นธรรม เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงสร้างความมั่นใจให้แก่หน่วยงานและประชาชน ปัจจุบันมีหน่วยงานที่ใช้เครื่องวัดเลเซอร์นี้ประมาณ 7,500 เครื่อง เช่น กรมที่ดิน กระทรวงคมนาคม กรมแผนที่ทหาร สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน โดยมีการนำเข้าเครื่องใหม่ประมาณปีละ 1,200 1,500 เครื่อง ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขาย ผู้ซ่อม หรือผู้ที่ถือครองเครื่องวัดความยาวชนิดเลเซอร์ฯ จะต้องนำเครื่องเข้ารับการตรวจสอบภายใน 1 ปี นับจากวันที่ประกาศกระทรวงฯ มีผลบังคับ ซึ่งสามารถยื่นคำขอได้ผ่านระบบงานชั่งตวงวัดแบบออนไลน์ของกรมการค้าภายใน และในช่วงแรกยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบนี้ กรมการค้าภายในยังขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่ใช้เครื่องชั่งตวงวัดในการซื้อขายสินค้า ให้ใช้เฉพาะเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบและได้รับคำรับรองจากเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งดูแลตรวจสอบสภาพการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ หากฝ่าฝืนใช้เครื่องที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการดัดแปลงหรือโกงเครื่องชั่ง จะมีโทษหนักถึงจำคุก 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท สำหรับประชาชนทั่วไป หากพบเห็นความผิดปกติของเครื่องชั่งตวงวัด หรือสงสัยว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขาย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 แอปพลิเคชัน LINE @MR.DIT หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดและสาขาชั่งตวงวัดใกล้บ้าน
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 174/2568 “พาณิชย์” ลงพื้นที่เชียงราย ติดตามสถานการณ์ข้าวและโครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ค้าข้าว เสริมกลไกตลาด-เพิ่มสภาพคล่องรับฤดูกาลผลิตใหม่ (25 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ ลงพื้นที่เชียงราย ติดตามสถานการณ์ข้าวและโครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ค้าข้าว เสริมกลไกตลาด-เพิ่มสภาพคล่องรับฤดูกาลผลิตใหม่ นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวและความคืบหน้าการดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมเก็บสต็อกข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 โดยได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย ตรวจเยี่ยมบริษัท โรงสีกำพล จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จริงและรวบรวมข้อมูลการดำเนินโครงการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเสนอแนวทางต่อคณะรัฐมนตรี สำหรับโครงการในปีการผลิตถัดไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือนหน้า โครงการชดเชยดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญภายใต้นโยบายของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเสริมกลไกตลาด เพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในตลาด เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยกรมฯ ได้สนับสนุนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วม ผ่านธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐ ด้วยอัตราชดเชยร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาการเก็บสต็อก 60 180 วัน ภายใต้วงเงินรวม 585 ล้านบาท ระยะเวลารับซื้อข้าวตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ 29 พ.ย. 67 - 31 มี.ค. 68 (ภาคใต้ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 68) ปีนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการรวม 205 ราย จาก 45 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีปริมาณข้าวเปลือกสะสมสูงสุดในเดือนธันวาคม 2567 ที่ 2.285 ล้านตัน ในจังหวัดเชียงรายมีผู้ประกอบการเข้าร่วม 4 ราย โดยโรงสีกำพลฯ ยังคงมีข้าวหอมมะลิทั้งในรูปแบบข้าวเปลือกและข้าวสารในคลัง ด้านผู้ประกอบการโรงสีกำพลฯ กล่าวว่า ช่วงต้นฤดูกาลเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกัน ทำให้ราคามีแนวโน้มลดลง การมีโครงการชดเชยดอกเบี้ยจึงช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเก็บสต็อกข้าวไว้ได้โดยไม่ต้องรีบขายออก ส่งผลให้เกษตรกรสามารถขายข้าวได้ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดแรงกดดันในตลาดและรักษาเสถียรภาพโดยรวม ขณะเดียวกัน มีคณะทำงานระดับจังหวัดที่รับผิดชอบตรวจสอบสต็อกข้าวของผู้ประกอบการทุกเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และครอบคลุมมูลค่าตั๋วสัญญาใช้เงินตามโครงการ รองอธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง ซึ่งมีการเก็บเกี่ยวไปแล้วมากกว่าร้อยละ 89 ของผลผลิตทั้งหมด แม้ราคาข้าวในตลาดโลกจะมีความผันผวน โดยเฉพาะหลังจากที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวขาวในตลาดโลกลดลง แต่สถานการณ์ราคาข้าวในประเทศยังคงอยู่ในระดับทรงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น โดยจากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 พบว่า ราคาข้าวเปลือกยังใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้านาปรังเกี่ยวสด (ความชื้น 25%) ราคา 6,500 6,800 บาทต่อตัน ข้าวเจ้าแห้ง (ความชื้น 15%) 7,600 8,000 บาทต่อตัน ข้าวเหนียวนาปรังสด (ความชื้น 25%) 9,400 10,200 บาทต่อตัน และข้าวเหนียวแห้ง (ความชื้น 15%) 11,000 12,000 บาทต่อตัน กรมฯ จะยังคงติดตามสถานการณ์ข้าวอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดข้าวไทย และส่งเสริมรายได้ที่เป็นธรรมแก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน นางสาวญาณี กล่าวทิ้งท้าย
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 173/2568 “พาณิชย์” ประสานผู้ประกอบการ เข้ารับซื้อมะม่วงแฟนซี จ.เชียงใหม่-ลำพูน (25 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ ประสานผู้ประกอบการ เข้ารับซื้อมะม่วงแฟนซี จ.เชียงใหม่-ลำพูน กรมการค้าภายในรับลูก พิชัย ประสานผู้ประกอบการ ผู้รวบรวม ผู้ส่งออก เข้ารับซื้อมะม่วงแฟนซี จ.เชียงใหม่ ลำพูน นำร่องซื้อทันที 100 ตัน ส่งกระบายผ่านโมบายธงฟ้า พร้อมนำขายผ่านงานธงฟ้า เปิดจุดจำหน่ายแหล่งชุมชน การเคหะ นิคมอุตสาหกรรม หมู่บ้านจัดสรร ปั๊มน้ำมัน มั่นใจดูแลเกษตรกรมีที่ขาย และขายผลผลิตได้คุ้มต้นทุน นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมเร่งประสานผู้ประกอบการ ผู้รวบรวม และผู้ส่งออก เข้าไปในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เพื่อเร่งดึงผลผลิตมะม่วงแฟนซี ซึ่งเป็นมะม่วงที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เป็นมะม่วงที่มีสีสัน และเป็นมะม่วงขนาดใหญ่ เป็นที่สนใจของผู้ซื้อและตลาด และกำลังเริ่มออกสู่ตลาดในขณะนี้ กระจายออกนอกแหล่งผลิตโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตกระจุกตัว และกระทบต่อราคาขายของเกษตรกร ทั้งนี้ กรมได้นำร่องนำผู้ประกอบการลงพื้นที่ โดยได้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ นำผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ และรวมปล่อยขบวนรถคาราวานผลไม้รับซื้อผลผลิตมะม่วงภาคเหนือออกจากแหล่งผลิต ณ ที่ทำการกลุ่มแปลงใหญ่มะม่วง หมู่ที่ 19 ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ไปสู่ตลาดปลายทางที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าสู่โมบายธงฟ้าปริมาณ 100 ตัน โดยมีนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย ขณะเดียวกัน กรมได้เตรียมช่องทางการตลาดปลายทาง เพื่อรองรับผลผลิตมะม่วงเพิ่มเติม โดยนอกจากระบายผ่านโมบายธงฟ้า จะนำไปขายในงานธงฟ้าที่จะจัดในจังหวัดต่าง ๆ และเปิดจุดจำหน่ายผลไม้ในแหล่งชุมชนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชุมชนการเคหะ นิคมอุตสาหกรรม หรือหมู่บ้านจัดสรร เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรการบริหารจัดการผลไม้ที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า และยังได้ประสานสถานีบริการน้ำมัน รวมมากกว่า 10,000 สาขา และผู้แปรรูปรายใหญ่ เตรียมช่วยดูดซับผลผลิตด้วย ปัจจุบันมะม่วงแฟนซี ทั้งสายพันธุ์ อาร์ทูอีทู จินหวง แดงจักรพรรดิ และงาช้างแดง ได้เริ่มออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 30% ของผลผลิตทั้งหมด และคาดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ผลผลิตจะเริ่มออกมามาก แต่กรมจะใช้ทุกวิถีทาง เพื่อดูแลเกษตรกรในการระบายผลผลิต และกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิตให้เร็วที่สุด ทำให้เกษตรกรมีรายได้คุ้มกับต้นทุน และมีรายได้เพิ่มขึ้น
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 172/2568 กรมการค้าภายใน ยืนราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน 5 บาทต่อกิโลกรัม กำชับโรงงานสกัดรับซื้ออย่างต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือห้างค้าปลีกจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เกินลิตรละ 50 บาท (24 พฤษภาคม 2568)
กรมการค้าภายใน ยืนราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน 5 บาทต่อกิโลกรัม กำชับโรงงานสกัดรับซื้ออย่างต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือห้างค้าปลีกจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เกินลิตรละ 50 บาท วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ประธานคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ครั้งที่ 4/2568 โดยมีอนุกรรมการ ในฐานะผู้แทนเกษตรกร นายณัฏฐพร สินไชย ประธานสภาเกษตรกร จ.ตรัง ผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติ นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ผู้แทนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ผู้แทนสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม ผู้แทนภาครัฐ กระทรวงเกษตรฯ พลังงาน อุตสาหกรรม ศุลกากร และผู้แทนเกษตรกรสุราษฎร์ธานี (ดร.วันสาด ศรีสุวรรณ) กระบี่ (นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์) นายวิทยากร ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อเนื่องต่ำกว่า 5 บาท/กก. โดยที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันให้ตรึงราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันไว้ที่ 5 บาทต่อกิโลกรัม (เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18%) ตามคุณภาพไปอีก 1 สัปดาห์ และเป็นราคาที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาและสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในจะติดตามราคาน้ำมันปาล์มดิบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม นายวิทยากร กล่าวต่อว่า ในส่วนของการรับซื้อ พบว่าในหลังสงกรานต์ที่ผ่านมามีปริมาณผลปาล์มเข้าสู่โรงงาน มากกว่ากำลังการผลิต ทำให้ยังมีการติดคิวรอจำหน่ายอยู่จำนวนหนึ่ง เป็นสาเหตุให้ปาล์มมีคุณภาพลดลง ดังนั้น กรมการค้าภายในได้กำชับให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดำเนินการรับซื้อผลปาล์มอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลังการผลิต หากมีความจำเป็นต้องหยุดรับซื้อ ต้องแจ้งล่วงหน้าและชี้แจงเหตุผลอย่างชัดเจนแก่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรและผู้รวบรวมทราบล่วงหน้า ลดปัญหาการกระจุกตัวของผลผลิตและการติดคิวบริเวณโรงงาน นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตหสากรรมจังหวัด ในการตรวจสอบและติดตามกำลังการผลิตของโรงงานสกัดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ประกอบการจะไม่ปิดโรงงานโดยไม่มีเหตุผลหรือเพื่อกดราคาปาล์มดิบ โดยได้กำชับให้มีการรายงานสถานการณ์รับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของตลาดปลายน้ำ กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่ง เพื่อขอความร่วมมือในการจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนราคาปาล์มดิบในตลาด โดยกำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เกินลิตรละ 50 บาท เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนและสร้างความเป็นธรรมในตลาดน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2568 กรมการค้าภายในได้ดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะกรณีการกดราคารับซื้อและไม่แสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการดำเนินคดีแล้วกว่า 11 ราย เพื่อปกป้องสิทธิ์ของเกษตรกรและสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาด นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในเน้นย้ำให้โรงงานสกัดและจุดรับซื้อทุกแห่งติดป้ายแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน โปร่งใส และเปิดเผย เพื่อให้เกษตรกรสามารถเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจขายผลผลิตได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเอาเปรียบและส่งเสริมความโปร่งใสในระบบการซื้อขายปาล์มน้ำมัน
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 171/2568 “พาณิชย์” เร่งช่วยเกษตรกรกระเทียมแม่ฮ่องสอน ดูดซับผลผลิต 100 ตัน ผ่านธงฟ้า พร้อมดึงโรงงาน-ผู้ประกอบการเข้าซื้อในพื้นที่ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ (23 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ เร่งช่วยเกษตรกรกระเทียมแม่ฮ่องสอน ดูดซับผลผลิต 100 ตัน ผ่านธงฟ้า พร้อมดึงโรงงาน-ผู้ประกอบการเข้าซื้อในพื้นที่ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างเร่งด่วน หลังประสบปัญหาราคาตกต่ำในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้ โดยการดูดซับผลผลิตเข้าสู่ตลาด การเปิดช่องทางการจำหน่ายใหม่ รวมถึงการเชื่อมโยงตลาดกับหน่วยงานและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน กรมฯ ได้จัดสรรพื้นที่จำหน่ายกระเทียมกว่า 100 ตัน ผ่าน โครงการธงฟ้าราคาประหยัด ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมถึงผ่าน รถโมบายธงฟ้า ที่จะออกให้บริการถึงชุมชน เพื่อกระจายผลผลิตจากเกษตรกรถึงมือผู้บริโภคในราคายุติธรรม ช่วยดูดซับปริมาณกระเทียมที่ล้นตลาด พร้อมลดภาระค่าครองชีพของประชาชน นอกจากการเปิดช่องทางการจำหน่ายแล้ว กรมการค้าภายในยังได้ เชื่อมโยงให้โรงงานแปรรูปและผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหาร เข้ามารับซื้อกระเทียมจากเกษตรกรในพื้นที่แม่ฮ่องสอนโดยตรง โดยมีการเจรจาและประสานผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการขยายตลาดให้กระเทียมไทยมีโอกาสเข้าไปเป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดค้าส่งเพียงอย่างเดียว นอกจากเชื่อมโยงการจำหน่ายไปยังตลาดปลายทาง เรายังมุ่งให้เกิด การซื้อขายภายในพื้นที่ มากขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านขนส่งให้เกษตรกร และสร้างความยั่งยืนในระบบการตลาดกระเทียมในระยะยาว นายวิทยากรกล่าว ในด้านของการสนับสนุนต้นทุนการจำหน่าย กรมการค้าภายในยังได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดทำโครงการสนับสนุนกล่องบรรจุภัณฑ์ราคาพิเศษ เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายกระเทียมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ลดภาระค่าขนส่ง เพิ่มความสะดวกในการจัดส่งถึงผู้บริโภคโดยตรง ขณะเดียวกัน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้จัดประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์กระเทียมของจังหวัด ครั้งที่ 2/2568 เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานสหกรณ์จังหวัด ธ.ก.ส. และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้ร่วมกันวางแนวทางการรวบรวมข้อมูลราคาขายจากเกษตรกรโดยตรง รวมถึงการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้บริโภคให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างโปร่งใส มีการจัดระบบรองรับคำสั่งซื้อจากจังหวัดปลายทาง โดยกลไกของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะเป็นผู้ประสานข้อมูลและแจ้งกลับไปยังกลุ่มเกษตรกร เพื่อดำเนินการจัดส่งสินค้าได้ทันที เป็นการสร้างระบบจัดการตลาดที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันให้เกิด ตลาดกระเทียมชุมชน ในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำกระเทียมไปจำหน่ายโดยตรงสู่ผู้บริโภค โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมมากขึ้น กรมการค้าภายในจะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดกระเทียมอย่างใกล้ชิด และไม่หยุดอยู่เพียงมาตรการระยะสั้นเท่านั้น แต่จะดำเนินการวางรากฐานระบบตลาดอย่างยั่งยืน เพื่อให้ราคากระเทียมมีเสถียรภาพในระยะยาว นายวิทยากร กล่าว ทั้งนี้ กรมฯ ยืนยันว่าจะเดินหน้าเชื่อมโยงตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมเสริมสร้างความรู้ด้านการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับเกษตรกรควบคู่กันไป
ดูเพิ่มเติม
ข่าวเลขที่ 170/2568 พาณิชย์ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง ดำเนินคดีผู้ประกอบการแล้วกว่า 10 ราย (23 พฤษภาคม 2568)
พาณิชย์ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง ดำเนินคดีผู้ประกอบการแล้วกว่า 10 ราย นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) มีนโยบายให้กรมการค้าภายในกำกับดูแลสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ เพื่อยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย และการซื้อขายสินค้าเกษตรภายในประเทศให้เกิดความเป็นธรรม อธิบดีกรมการค้าภายในจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด นายตรวจชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกภาคส่วนตรวจสอบกำกับดูแลผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผู้ประกอบการรับซื้อปาล์มและยางพาราในแหล่งพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้า ช่วงที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ เช่น จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล สงขลา ตรัง กระบี่ พังงา และจังหวัดระนอง และได้ดำเนินคดีผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมายไปแล้ว 8 ราย ช่วงวันที่ 19 23 พฤษภาคม 2568 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด นายตรวจชั่งตวงวัด ตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และตรัง พบว่า สถานการณ์การรับซื้อเริ่มจะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะใกล้เคียงและเริ่มสอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงสกัดแล้วโดยราคารับซื้อผลปาล์ม ณ 18 % หน้าโรงสกัดในพื้นที่อยู่ที่ราคาตั้งแต่ 5.00 บาท/กก.ขึ้นไป และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบผู้ประกอบการ รับซื้อปาล์มไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งได้ดำเนินคดีจำนวน 3 ราย ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 69 เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อสินค้าปาล์มน้ำมัน โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน กรมการค้าภายใน ได้จับกุมดำเนินคดีผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตรที่ฝ่าฝืนกฎหมายไปแล้วรวม 11 ราย รองอธิบดีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มตัดปาล์มที่สุกเต็มที่ เพื่อให้ได้ราคาดี และขอเตือนให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการรับซื้อผลปาล์มทะลาย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ ตลอดจนการแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน รวมทั้งห้ามกระทำพฤติกรรมใดๆ ที่จะเป็นการทำให้ผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่แสดงราคารับซื้อหรือแสดงไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือทำผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีกดราคารับซื้อต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบการกระทำความผิดข้างต้นจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายผลปาล์มน้ำมันหรือสินค้าเกษตรอื่น รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
ดูเพิ่มเติม
Dit Logo New (2)

กรมการค้าภายใน ขอส่งแรงใจให้ทหารแนวหน้าที่กำลังปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทย ขอให้ปลอดภัย

สอบถามข้อมูล

arrow-down

DIT Chat Service ยินดีให้บริการ

maximize
สอบถามข้อมูลเพิมเติมกับเจ้าหน้าที่ (Admin)

บริการของกรมการค้าภายใน

7422635f-7946-4705-88ec-05d965bd7b40

การขออนุญาตประกอบการค้า

862c658c-96a2-4f51-87cb-7ae89028e48a

สอบถามราคาสินค้าเกษตร

e776ba32-103f-4917-b746-5333af42cf9d

รวบรวมกิจกรรมกรมการค้าภายใน

3e6fa301-b225-4427-b882-4d78e453a2ed

การเดินทางมายังกรมการค้าภายใน

เลขที 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทรศัพท์ 0-2507-5530

โทรสาร: 0-257-5361

E-mail: Saraban@dit.go.th

Call Center: 1569 ร้องเรียน/เสนอแนะ