
ถามตอบ
โครงการ "ร้านยา สุขกาย สบายกระเป๋า"
(ร้านยาที่แสดงเจตนาร่วมจัดบริการตามโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า)
ตามที่มีความร่วมมือระหว่าง กรมการค้าภายใน (กระทรวงพาณิชย์) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส) และ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ ภายใต้โครงการ "สุขกาย สบายกระเป๋า" ที่ต้องการ ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่อง ค่ายา ในโรงพยาบาลเอกชน โดยให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน สามารถขอใบสั่งยาจากแพทย์ เพื่อนำไปซื้อยาจาจากร้านยาภายนอก โดยจะเริ่มให้ร้านยาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ วันที่ 14 ตุลาตม 2568 เป็นต้นไปนั้น ในการนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่าง จึงมีรายละเอียด คำถามคำตอบ ดังนี้
Q1: ร้านยาแผนปัจจุบันทุกแห่งที่มีใบอนุญาตขายยาถูกต้องตามกฎหมาย สามารถรับใบสั่งยา และจ่ายยาตามใบสั่งได้ตามมาตรฐานวิชาชีพได้อยู่แล้ว ทำไมต้องมีระบบลงทะเบียนร้านยา เข้าร่วมโครงการฯ
A : ร้านขายยาแผนปัจจุบันเกือบสองหมื่นแห่งทั่วประเทศ มีความพร้อมในการจัดบริการจ่ายยาตามใบสั่งยาไม่เท่ากัน (บางร้านขายยาไม่เคยมีใบสั่งยามาที่ร้านมาก่อนเลย) เกรงว่า เมื่อผู้ป่วยถือใบสั่งยาแล้วไปรับบริการร้านยาที่ไม่พร้อม จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ หรือได้รับบริการไม่ดี ดังนั้น จึงเห็นร่วมกันว่าควรมีกระบวนการแนะนำร้านยาที่มีความพร้อมในการให้บริการ เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับประชาชนที่จะถือใบสั่งยา ไปซื้อยาที่ร้านยา ไม่ลิดรอนสิทธิผู้ใด ดำเนินการโดยสมัครใจ
Q2: ร้านที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เหล่านี้ มีความพร้อมแตกต่างจาก ร้านยาทั่วไป อย่างไร
A : ร้านยาที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีความพร้อมอย่างน้อย 5 ด้าน ดังนี้
- พร้อมในการจัดหายาให้ครบถ้วน และถูกต้องตามใบสั่งยาฯ
- พร้อมในการให้ข้อมูลร้านยาเพื่อการประชาสัมพันธ์และการสอบถาม ก่อนเข้ามารับบริการ
- พร้อมในการติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลเอกชน หากกรณีมีปัญหาในใบสั่งยา
- พร้อมที่จะเคร่งครัดกับมาตรฐานการจ่ายยาตามใบสั่งฯ เพื่อให้ความเชื่อมั่นของผู้มารับบริการ
- พร้อมในการพัฒนาและปรับปรุงบริการ โดยอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลและสนับสนุน จากสมาคมวิชาชีพ และสภาวิชาชีพฯ
Q3 : ขั้นตอนการลงทะเบียนข้าร่วมโครงการ มีความสำคัญอย่างไร
A : เป็นชั้นตอนที่สำคัญ เพื่อ 1) แสดงเจตนาและแสดงความมุ่งมั่น ที่จะเตรียมตัวเองให้เกิดความพร้อมในการให้บริการจ่ายยาตามใบสั่งยา 2) เพื่อให้ สมาคมวิชาชีพ สภาวิชาชีพ มีข้อมูลสำหรับการกำกับดูแล และสนับสนุนให้เฉพาะเจาะจง ส่งผลให้ร้านยาให้บริการได้มาตรฐาน ราคาเหมาะสม สมเจตนารมณ์ของโครงการ3) เพื่อแสดงความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์สำหรับผู้มารับบริการ
Q4 : การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ยากหรือไม่
A : สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่อย.จัดทำขึ้น ได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยคาดว่าใช้เวลาลงทะเบียนไม่เกิน 5 นาที ตั้งแต่ 14 ตุลาคม 68 เป็นต้นไป
Q5 : ร้านยาทั่วไปที่ไม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จะรับใบสั่งยา จ่ายยาตามใบสั่งได้หรือไม่
A : ทำได้ แต่ขอให้กรุณาเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ให้พร้อม ทั้งนี้ เพื่อความคุ้มค่า สมประโยชน์ ของผู้มารับบริการ
Q6 : ร้านยาแนะนำ ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำเป็นต้องให้บริการ Telepharmacy หรือไม่
A : ร้านยาที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทุกร้าน สามารถรับใบสั่งยา และจ่ายยาตามใบสั่งฯ โดยเภสัชกร ณ ร้านยา ได้อยู่แล้วเป็นพื้นฐาน แต่ก็อาจจะมีบริการ Telepharmacy ขึ้นมาเป็นบริการเสริม เป็นทางเลือกเพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มเติมได้ตามความสมัครใจ แต่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ อย และ สภาเภสัชกรรม กำหนด
Q7 : ในกรณีที่ได้รับใบสั่งยาจากโรงพยาบาลแล้ว เราจะทราบได้อย่างไรว่าร้านขายยาจะมียาครบถ้วนตามใบสั่งยา
A : ประชาชนสามารถตรวจสอบรายการยาจากร้านขายยาได้ ผ่านช่องทาง ดังนี้
1. ไปร้านขายยาด้วยตนเอง
2. โทรสอบถามเภสัชกรที่ร้านขายยา
3. เช็ครายการยาผ่านช่องทาง Telepharmacy หรือแอพพลิเคชันของร้านขายยา
Q8 : ถ้าซื้อยานอกโรงพยาบาลแล้ว ยายังมีคุณภาพเหมือนเดิมไหม?
A : ร้านขายยาที ่เข้าร่วมจะต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายและผ่านการตรวจสอบจาก อย. เพื่อให้มั่นใจว่ายามีมาตรฐาน คุณภาพ และการเก็บรักษาถูกต้อง
Q9 : โรงพยาบาลยังสามารถจำหน่ายยาได้เองหรือไม่?
A : สามารถจำหน่ายได้ แต่ต้องแสดงรายละเอียดรายการยาอย่างเปิดเผย และเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเลือกซื้อจากร้านขายยาแนะนำภายนอกได้ด้วย
Q10 : ในกรณีที่ต้องการรับยาเพียงบางส่วนจากใบสั่งยา อาทิ ใบสั่งยาระบุให้จ่าย 20 เม็ด แต่ประชาชน มีงบประมาณเพียงพอสำหรับ 10 เม็ดเท่านั้น จะสามารถมาซื้อยาในภายหลังได้หรือไม่
A : ทำได้ โดยทางเภสัชกรจะมีการบันทึกบัญชีจ่ายยา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระเบียบวิธีการของร้านขายยานั้นๆ อย่างไรก็ดี แนะนำให้ซื้อยาตามจำนวนที่ระบุในใบสั่งยาเพื่อความต่อเนื่องในการรักษา
Q11: โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” มีระยะเวลาดำเนินโครงการเป็นอย่างไร สิ้นสุดเมื่อไร และมีแผน จะทำอย่างไรต่อ
A : โครงการเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ไม่มีกำหนดสิ้นสุดโครงการ โดยมีแผนจะขยายกรอบการดำเนินงานต่อ ได้แก่ ขยายความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเติม และร่วมมือกับคลินิกรักษาพยาบาล
Q12 : ประชาชนจะทราบราคายาจากโรงพยาบาลเมื่อใด
A : ประชาชนสามารถทราบรายการยา และราคายาได้ใน 2 กรณี ได้แก่
1. ขณะตรวจวินิจฉัยโรคกับแพทย์ โดยสามารถสอบถามรายการยา และราคาได้เบื้องต้น
2. ขณะเตรียมชำระเงิน โดย ณ จุดการเงินจะมีรายการค่าใช้จ่าย รายการยาและราคาแสดงให้ประชาชนทราบ ทั้งนี้ รูปแบบการให้บริการขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลซึ่งอาจแตกต่างกัน
Q13 : เหตุใดร้านขายยาจึงไม่มีการแสดงรายการยาและราคายาผ่านหน้าเว็บไซด์ หรือแอพพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อสะดวกต่อการเปรียบเทียบราคา
A : มาตรา 88 ของพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 กำหนดหลักเกณฑ์การโฆษณาขายยา เพื่อป้องกันไม่ให้โฆษณาเกินจริงหรือหลอกลวง โดยห้ามโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง, ห้ามแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จ, ห้ามทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับส่วนประกอบของยา และต้องไม่ทำให้เข้าใจว่าเป็นยาทำแท้ง ยาขับประจำเดือน ยาบำรุงกาม หรือยาคุมกำเนิด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามราคายาจากร้านขายยาได้โดยตรง
Q 14 : คุณสมบัติของร้านยา ที่สามารถลงทะเบียนฯ มีอะไรบ้าง
A : ต้องเป็น ร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ไม่อยู่ในระหว่างที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยต้องยืนยันความพร้อมในระบบลงทะเบียนฯ ดังนี้
- มีเภสัชกรประจำอยู่ตลอดเวลาที่เปิดทำการ
- มีช่องทางการติดต่อ สอบถาม สำหรับผู้มารับบริการ เพื่อตรวจสอบยืนยัน รายการ จำนวน และราคายาได้ เช่น โทรศัพท์, ID LINE ,โปรแกรมประยุกต์ Telepharmacy
- พร้อมในการจัดหายาให้ครบถ้วนตามใบสั่งยาภายใน 24 ชั่วโมง หรือตามที่ผู้ป่วยให้ความเห็นชอบ
- พร้อมจัดบริการตามมาตรฐานวิชาชีพเภสัชกรรมที่กำหนด
- พร้อมติดต่อประสานงานโรงพยาบาลผู้ออกใบสั่งยาได้ตลอดเวลาให้บริการ หรือกรณีที่มีเหตุจำเป็น
Q 15 : ร้านยาที่สมัครใจลงทะเบียน จำเป็นต้องเป็น ร้านยาคุณภาพ หรือ เป็นสมาชิกของ สมาคมวิชาชีพหรือไม่
A : ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านยาคุณภาพ หรือเป็นสมาชิกของ สมาคม/ชมรม ที่เกี่ยวกับร้านยาใดๆ ขอเพียงเป็นร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ไม่อยู่ในระหว่างที่ถูกพักใช้ใบอนุญาต หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตและ มีเภสัชกรประจำอยู่ตลอดเวลาที่เปิดทำการ และ ยืนยันในความพร้อม
Q 16 : หลังจาก ลงทะเบียนแล้ว จะเกิดประโยชน์อะไร
A : อย จะพัฒนา ระบบการค้นหา และแสดงตำแหน่งร้านยา สุขกาย สบายกระเป็า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยที่ประสงค์จะนำใบสั่งยาออกจาก รพ มารับยาที่ร้าน โดยจะแสดงข้อมูลการติดต่อ เช่น เบอร์โทร ID LINE หรือ แพลตฟอร์ม Telepharmacy เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อสอบถาม ก่อนล่วงหน้าได้
ประโยชน์กับผู้ป่วย : มั่นใจว่า ไปร้านยาแล้ว มีความพร้อมในการบริการจ่ายยาตาใบสั่ง ไม่เสี่ยงเสียเที่ยว เสียเวลาเดินหา
ประโยชน์กับร้านยา : ได้รับการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้ประชาชน
Q 17 : มีแนวปฏิบัติ หรือ คำแนะนำเฉพาะสำหรับการให้บริการจ่ายยาตามใบสั่งยาฯ อย่างไร
A : นอกจากที่ร้านยาจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ และ GPP แล้ว ในกรณีจ่ายยาตามใบสั่งฯ มีคำแนะนำเฉพาะ ดังนี้
1. หลังจากให้บริการ เภสัชกรต้องเก็บใบสั่งยาและลงบัญชี ขย 12 เว้นแต่กรณีที่ผู้ป่วยมีความประสงค์จะขอเก็บใบสั่งยาไว้ ให้เภสัชกรบันทึกจำนวนและวันที่จ่ายลงในใบสั่งยาทุกครั้งก่อนที่จะสำเนาเก็บไว้หนึ่งฉบับ และส่งคืนเอกสารจริงให้ผู้ป่วย
2. ร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) โดยทั่วไป สามารถให้บริการรับใบสั่งยาและจ่ายยาตามใบสั่งยาได้ แต่กรณีที่มีการให้บริการ Telepharmacy เพื่ออำนวยความสะดวก จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ อย และ สภาเภสัชกรรม
3. กรณีการเปลี่ยนชื่อการค้าของยา ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไข ความสมัครใจ/ยินยอมของผู้รับบริการ และไม่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการรักษา โดยผ่านการให้ข้อมูลของเภสัชกรเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้รับบริการ
4. กรณีพบปัญหาการใช้ยา (DRP) ติดต่อประสานกับโรงพยาบาล เพื่อทบทวนใบสั่งยา /ใบแจ้งรายการยา อย่างไรก็ดีหากเภสัชกรร้านยา มีความเห็นไม่สอดคล้องกับ ใบสั่งยา /ใบแจ้งรายการยา เป็นสิทธิ์ของเภสัชกรในการส่งคืนใบสั่งยา ไม่ส่งมอบยา โดยยึดความปลอดภัยและประโยชน์ของผู็ป่วยเป็นสำคัญ
มะนาว
- ราคามะนาวสูง ในช่วงฤดูแล้งและ (ธ.ค. - เม.ย.) เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและอากาศแห้งแล้งฝนทิ้งช่วง ทำให้มะนาวไม่ค่อยติดผล ผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยและมีผลเล็ก ผู้บริโภคจึงได้รับความเดือดร้อน
- ราคามะนาวต่ำ ในช่วงฤดูฝน (ก.ค.-ก.ย.) เนื่องจากสภาพอากาศเอื้อต่อการผลิต ฝนตกสม่ำเสมอ ผลผลิตมีปริมาณมาก ทำให้ราคาตกต่ำ เกษตรกรจึงได้รับความเดือดร้อน
กรมการค้าภายใน มีภารกิจสำคัญในการดูแลปากท้องประชาชน และความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยการสอดส่องติดตามสถานการณ์ภาวะราคาและปริมาณสินค้าอย่างใกล่ชิด ป้องกันมิให้การฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ และสินค้าราคาโดยไม่เป็นธรรม โดยมีแนวทางมาตราการกำกับดูแลราคาและปริมาณสินค้า ดังนี้
- มีปริมาณสินค้าเพียงพอกับความต้องการ
- ปริมาณครบถ้วน ถูกต้องและตรงตามที่ระบุไว้
- ไม่มีการฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน
