การคุ้มครองผู้บริโภค
ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้า โทร.1569,622-2420-3 E-mail address ; compro@dit.go.th
กระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในด้านราคา ปริมาณ และคุณภาพ โดยกำกับดูแลให้สินค้ามีเพียงพอแก่ความต้องการ และราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมภายใต้นโยบายการค้าเสรี ทั้งนี้โดยอาศัยกลไกสำคัญ 3 มาตรการ เพื่อควบคุมราคาสินค้า ดังนี้.-
1. มาตรการด้านบริหาร โดยเชิญผู้ผลิต ผู้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญมารับทราบนโยบายการดูแลและขอความร่วมมือในกรณีที่จะมีการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงราคาพร้อมโครงสร้างต้นทุนและข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ให้กรมการค้าภายในพิจารณาล่วงหน้า 15 วันทำการ ก่อนสินค้าออกจำหน่ายตลอดจนทำการวิเคราะห์ความเหมาะสมของราคาโดยจะพิจารณาปรับราคาสินค้าสูงขึ้นหรือลดลงให้สอดคล้องกับภาระต้นทุนโดยเฉพาะต้นทุนจากวัตถุดิบและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมตลอดถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการตรวจสอบดูแลภาวะราคาสินค้าเป็นประจำและติดตามพฤติกรรมการค้าของผู้ประกอบการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลสมควรหรือกักตุนสินค้า รวมถึงจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้าขึ้นเพื่อสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีผู้กระทำผิดที่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค
2. มาตรการด้านกฎหมาย ควบคุมดูแลราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพหรือสินค้าที่มีการแข่งขันน้อยราย โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522 ซึ่งปัจจุบันได้กำหนดสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพ 22 รายการ ( เช่น นมผง นมข้นหวาน ผงซักฟอก น้ำมันเชื้อเพลิง อาหารที่ปรุงแต่งแล้ว ปุ๋ย เครื่องแบบนักเรียน น้ำดื่มบรรจุภาชนะ ฯลฯ ) เป็นสินค้าควบคุมโดยมีมาตรการในการดำเนินการต่างๆ เช่น ให้ปิดป้ายราคาแสดงราคาขายปลีกสินค้าควบคุมและห้ามจำหน่ายเกินราคาที่แสดง กำหนดราคาขายสูงสุด(น้ำตาลทรายและก๊าซหุ้งต้ม) ให้แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และควบคุมการขนย้าย ( เหล็กเส้น น้ำตาลทราย และน้ำมันปาล์ม ) ซึ่งในการปฏิบัติกระทรวงพาณิชย์ได้เข้มงวดกวดขันตรวจสอบปราบปรามจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ขายเกินราคาควบคุม ปฏิเสธการจำหน่าย กักตุนสินค้า หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุผลสมควร ซึ่งในปี 2540-2541 ได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดดังกล่าวไปแล้วกว่า 400 ราย
3. มาตรการด้านการตลาด เป็นมาตรการเสริม เพื่อแก้ไขปัญหาด้านราคาสินค้าแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายการแข่งขันและขจัดการผูกขาด โดยดูแลให้มีการกระจายสินค้าอย่างสม่ำเสมอและประสานผู้ผลิตในการขายตรงแก่ผู้บริโภคในกรณีที่ตลาดมีการแข่งขันไม่สมบูรณ์หรือเกิดการผูกขาดในพื้นที่ เช่น การจัดโครงการธงฟ้า-ราคาประหยัด เพื่อเพิ่มจำนวนผู้จำหน่ายอาหารสำเร็จรูปให้มีมากขึ้นเพียงพอกับความต้องการและผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อหาอาหารสำเร็จรูปในราคาประหยัด และโครงการงานคาราวานตลาดนัดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อเพิ่มการแข่งขันในบางพื้นที่บางเวลาอันจะเป็นการลดแรงกดดันในการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชนที่อยู่ห่างไกลตลาด เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของการควบคุมดูแลราคาสินค้าหลังใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้าสำเร็จรูปหรือวัตถุดิบนำเข้านั้น กระทรวงฯ ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับราคาสูงขึ้น หรือดำเนินการให้ปรับลดราคาลงตามค่าเงินที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันค่าเงินบาทได้แข็งขึ้นอยู่ในระดับ 37-38 บาท/ดอลล่าร์ กระทรวงฯ ได้พิจารณาทบทวนปรับลดราคาสินค้าที่ได้อนุมัติปรับราคาสูงขึ้นตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปแล้วลงกว่า 39 รายการ เช่น นมผง ยาสีฟัน ผงซักฟอก แชมพูสระผม ปุ๋ยเคมี ยารักษาโรค ฯลฯ สำหรับแนวทางการติดตามดูแลราคาสินค้าในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจกระทรวงฯ จะกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้ามีเพียงพอ ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่เป็นธรรมและได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องให้โอกาสและความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจอยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและขาดสภาพคล่อง
ผู้บริโภค : ร้องเรียนอย่างไรให้ได้ผล
นับวันสถานการณ์ปัญหาของผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น มีความสลับซับซ้อนของปัญหาหลายระดับไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างผู้บริโภคในเมือง หรือตามชนบทและระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค ซึ่งมีศักยภาพต่างกัน โดยผู้ผลิตสามารถสร้างเงื่อนไขอยู่เหนือผู้บริโภคได้ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคยังแยกกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย ขาดการรวมกลุ่มกันเป็นพลังในการร้องเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งระดับส่วนตัวและส่วนรวมอย่างเข้มแข็ง เพื่อมาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวรณรงค์กิจกรรมด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนมิได้ทำหน้าที่ให้ความเห็นในด้านการร้องเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาแต่อย่างใดการเป็นผู้บริโภคที่ดีควรสร้างทัศนคติใหม่ทางสังคมให้เห็นคุณค่าของสิทธิที่ตนมีอยู่ ให้ตระหนักรู้ว่าทุกคน คือผู้บริโภคที่รู้จักพิทักษ์สิทธิของตนเองไม่เอาเปรียบผู้อื่นและร่วมกันพิทักษ์สิทธิของผู้อื่น เสมือนพิทักษ์สิทธิของตนเองด้วยในการซื้อสินค้าและบริการ แม้จะได้รับความคุ้มครองอันพึงมีตามกฎหมายแต่เพื่อรักษาไว้ซึ่ง “ สิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค” ผู้บริโภคยังมีหน้าที่อันพึงปฏิบัติด้วย เช่น
1. ตรวจสอบหรือตกลงราคาก่อนใช้บริการทุกครั้ง หากไม่มีป้ายราคาควรสอบถามราคาให้ชัดเจนก่อน
2. หากร้านใดไม่ติดป้ายราคาหรือไม่แจ้งอัตราค่าบริการแสดงถึงเจตนาแอบแฝงควรหลีกเลี่ยงไม่ซื้อร้านนั้นทันที
3. สมควรที่จะเปรียบเทียบราคา ปริมาณของสินค้าชนิดเดียวกันหลายๆ ยี่ห้อก่อน ตันสินใจซื้อ
4. เปรียบเทียบราคาจากแหล่งที่มาของสินค้านั้นๆ หากไม่ทราบให้สอบถามจากผู้รู้หรือผู้ที่อยู่ในแหล่งสินค้านั้น
5. หมั่นตรวจสอบข้อมูลบนฉลากสินค้าให้ชัดเจนทุกครั้งและสินค้าบางประเภทควรมีเครื่องหมายรับรองอย่างถูกต้อง
6. ตรวจสอบสินค้าให้ตรงตามใบเสร็จทุกครั้งก่อนชำระเงิน
7. สังเกตข้อมูลการผลิต วันหมดอายุสำหรับสินค้าบางประเภท
8. ควรซื้อสินค้าจากร้านประจำที่ไว้ใจได้
9. อย่าห่วงการ Promotion ในเรื่องลด แลก แจก แถม จนลืมประโยชน์ที่แท้จริง
10. ไม่ควรซื้อสินค้าอย่างรีบร้อนและด่วนในการตัดสินใจ
11. เปรียบเทียบอายุการใช้งาน ดูที่การประหยัดพลังงานและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
12. สอบถามตัวเองทุกครั้ง ว่าสินค้าที่กำลังจะซื้อถูกใจหรือมีความจำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
นอกเหนือจากการมีหน้าที่ในการรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเองแล้ว การมีส่วนร่วมโดยใช้สิทธิในการร้องเรียนแจ้งข่าวความไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อพบการกระทำผิดเกี่ยวกับราคาสินค้าหรือบริการก็เป็นหน้าที่หนึ่งของผู้บริโภคเช่นกัน การร้องเรียนเพื่อร้องเรียนความเป็นธรรมของผู้บริโภคกระทำได้หลายวิธี เช่น การแจ้งทางโทรศัพท์ การทำเป็นหนังสือร้องเรียนหรือไปร้องเรียนด้วยตนเองที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและร้องเรียนทาง INTERNET หรือ E-mail แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยในการร้องเรียน ก็คือการร้องเรียนอย่างไรให้ได้ผลและนำไปสู่การแก้ไข มีข้อแนะนำดังนี้.-
1. ผู้บริโภคควรมีความรู้สึกที่จะปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเองอย่างแน่วแน่ ไม่คิดว่าการร้องเรียนเป็นเรื่องยุ่งยาก หรือทำให้ต้องเสียเวลา เช่น
* ต้องมีความตระหนักอย่างจริงจัง ตื่นตัว และพยายามตั้งคำถามเสมอ
เกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าและบริการที่ใช้อยู่ทุกวัน
* ผู้บริโภคต้องแสดงออกเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าได้รับการช่วยเหลืออย่าง
เป็นธรรมหากตราบใดที่ผู้บริโภคดำรงตนเป็นพลังเงียบผู้บริโภคก็ยังคง
ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป
* ผู้บริโภคต้องสนใจต่อความเป็นไปในสังคม ต้องคำนึงถึงความบริโภคของ
ตนเองด้วยว่าจะมีผลกระทบต่อบุคคลอื่นกลุ่มต่างๆอย่างไรหรือไม่
โดยเฉพาะต่อผู้ด้อยโอกาสในสังคม ทั้งในระดับท้องถิ่นระดับประเทศและ
ระดับสากล
* ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทำความเข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอัน
สืบเนื่องมาจากการบริโภคผู้บริโภคพึงมีความรับผิดชอบทั้งต่อบุคคลและ
ต่อสังคมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมเพื่อคนรุ่นต่อไป
* ต้องสามัคคี พึงรวมตัวกันและจัดตั้งเป็นกลุ่มแล้วพัฒนาให้เข้มแข็งและ
เพื่อให้เกิดพลังในอันที่จะส่งเสริมและพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของผู้
บริโภค
2. กำหนดจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการร้องเรียน เช่น ต้องการให้ชดใช้ค่าเสียหายต้องการให้ดำเนินการตามกฎหมายหรือต้องการให้ปรับปรุงแก้ไขวิธีปฏิบัติใหม่ เป็นต้น ในกรณีนี้ผู้ร้องเรียนควรจะทราบว่าเรื่องที่จะต้องร้องเรียนเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายหรือไม่ อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายใด หรือต้องการร้องเรียนในเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายของสังคมหรือหลักจริยธรรมเท่านั้น
3. ศึกษาถึงหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องที่จะต้องร้องเรียนคือหน่วยงานใด ขั้นตอนในการร้องเรียนเป็นอย่างไร จะร้องเรียนในวิธีการใดได้บ้าง เช่น ร้องเรียนทางโทรศัพท์ ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือต้องไปร้องเรียนด้วยตนเอง เป็นต้น
4. ก่อนร้องเรียนควรจะกำหนดเกณฑ์วัดที่มีมาตรฐานขึ้น เพื่อเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจว่าเป็นเรื่องที่สมควรร้องเรียนหรือไม่ เมื่อตัดสินใจอย่างแน่นอนแล้วว่าจะร้องเรียน ก็ควรรอให้กระบวนการร้องเรียนเป็นไปจนถึงที่สุดไม่ล้มเลิกกลางคัน และติดตามผลการพิจารณาเรื่องที่ร้องเรียนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่รับร้องเรียนอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถดำเนินการให้บรรลุจุดประสงค์ของการร้องเรียนอย่างโดยเร็ว
5. แจ้งเรื่องรายละเอียดของเรื่องราวที่ร้องเรียนอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ เช่น คู่กรณี สถานที่ เวลา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีหลักฐานประกอบการร้องเรียนก็จะเป็นประโยชน์มาก
6. แจ้งข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ร้องเรียนเอง เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้
7. มีความมั่นใจในหน่วยงานที่รับร้องเรียนว่าจะเก็บข้อมูลของผู้ร้องเรียนไว้เป็นความลับอย่างมั่นคง เนื่องจากปัจจุบันหลังจากที่ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 มีผลบังคับใช้ ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความคุ้มครอง หรือควบคุมดูแล ของหน่วยงานของรัฐอาจมีคำสั่งมิให้เปิดเผยได้ ในกรณีข้อมูลเรื่องร้องเรียนนี้คณะกรรมการพิจารณาการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของกรมการค้าภายในได้พิจารณาให้เรื่องร้องเรียนเป็นข้อมูลที่ไม่ต้องเปิดเผยตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวเพื่อความมั่นใจของผู้ร้องเรียน
8. ผู้ร้องเรียนควรมีจริยธรรมในการร้องเรียนด้วย เช่น ไม่ร้องเรียนเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย ร้องเรียนเพราะเสียผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ควรเป็นการร้องเรียนเพื่อป้องปรามมิให้ตนเองหรือสังคมโดยส่วนรวมถูกเอารัดเอาเปรียบ
****************