ความคิดเห็นที่ :
1
|
เรียน คุณป้อม
ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเรื่องที่ท่านสอบถามมาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถามของท่าน และจะได้นำคำตอบมาแจ้งให้ทราบต่อไป
|
ผู้ตอบ :
|
กลุ่มประชาสัมพันธ์ฯ
|
วันที่ตอบ : |
|
|
ความคิดเห็นที่ :
2
|
กองนิติการ กรมการค้าภายใน ได้พิจารณาข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมายแล้ว มีความเห็น ดังนี้
1.โดยพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ.2558 มีเจตนารมณ์เพื่อกำกับดูแลการจัดตั้งการประกอบธุรกิจและวิธีการดำเนินการให้มีหลักประกันสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ฝากสินค้า รวมทั้งให้การจัดเก็บสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จึงกำหนดมาตรการในการกำกับดูแลให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็น ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือสหกรณ์ที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็น โดยต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมการค้าภายใน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งต้องมีคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นที่มีลักษณะ สภาพ และวิธีการดำเนินงานตามที่กำหนด เช่น โครงสร้างอาคารต้องมั่นคงแข็งแรงเหมาะสมกับสินค้าที่รับฝากเก็บ แยกเป็นเอกเทศ และมีอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ฝากสินค้าเกิดความเชื่อมั่นในการประกอบกิจการรับฝากเก็บรักษาสินค้าทั้งหมดที่เก็บไว้ในคลังสินค้าและความรับผิดชองผู้ประกอบกิจการ เช่น ต้องจัดให้มีการตรวจสอบสินค้าทั้งหมดที่เก็บไว้ในคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็น ปีละสองครั้ง ผู้ประกอบกิจการต้องรับผิดต่อผู้ฝากกรณีสินค้าที่รับฝากเกิดความสูญหายหรือเสียหาย เว้นแต่จะพิสูจน์ว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัย สภาพของสินค้าเอง หรือเป็นความผิดของผู้ฝากสินค้าต้องจัดทำบัญชีคุมสินค้า เป็นต้น
2.ข้อเท็จจริงตามที่หารือ หากปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวเป็นผู้ประกอบกิจการห้องเย็นที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ.2558 แล้ว ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้บังคับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะ สภาพ และวิธีดำเนินงานของห้องเย็น มาตรฐานการเก็บรักษาสินค้าในห้องเย็น หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ประกอบกิจการตามข้อ 1 ทั้งนี้ เพื่อให้มีหลักประกันและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ฝาก โดยพระราชบัญญัติฯ นี้ไม่ได้มีมาตรการในการกำกับดูแลครอบคลุมถึงสินค้าที่รับฝากเก็บด้วยว่าต้องไม่เป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหรือได้รับการร้องเรียนว่าผู้ประกอบกิจการรายใดมีการรับฝากสินค้าที่ผิดกฎหมาย จะดำเนินการประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายนั้นๆ ต่อไปโดยไม่ชักช้า
**หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาสอบถามได้ที่ กองนิติการ โทร. 02-5075762
|
ผู้ตอบ :
|
กองนิติการ
|
วันที่ตอบ : |
|
|
ความคิดเห็นที่ :
3
|
กองส่งเสริมและบริหารระบบตลาด พิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า ตาม พ.ร.บ.คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. 2558 การประกอบกิจการห้องเย็นที่มีลักษณะเป็นการรับทำการเก็บรักษาสินค้าในห้องเย็น เพื่อบำเหน็จเป็นทางการค้าปกติ ไม่ว่าบำเหน็จนั้นจะเป็นเงิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์อื่นใด (มาตรา 3) ผู้ประกอบกิจการจะต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการจากอธิบดีกรมการค้าภายใน (มาตรา 18) หากมีการประกอบกิจการรับฝากเก็บสินค้าในห้องเย็น โดยมิได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมการค้าภายใน จะเป็นความผิดตามมาตรา 64 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ และเมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว ผู้ประกอบการกิจการห้องเย็นจะต้องจัดให้มีการตรวจสอบสินค้าทั้งหมดที่เก็บไว้ในห้องเย็นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ภายในเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคม และต้องแจ้งวันทำการตรวจสอบเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ฝาก และผู้ทรงใบรับของคลังสินค้าหรือประทวนสินค้าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวมีโอกาสเข้าร่วมการตรวจสอบนั้น และผู้ประกอบกิจการห้องเย็นต้องอำนวยความสะดวกตามสมควร (มาตรา 31) ประกอบกับในส่วนของความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการที่สินค้าที่รับฝากสูญหาย เสียหาย เกิดการผสมปลอมปน หรือปริมาณ น้ำหนัก ขนาด คุณภาพ หรือมาตรฐานของสินค้าที่รับฝากเปลี่ยนแปลงไปจากที่ระบุในใบรับของคลังสินค้าหรือประทวนสินค้า ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้ากิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็นต้องรับผิดต่อผู้ฝากหรือผู้ทรงใบรับของคลังสินค้าหรือประทวนสินค้า เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัยจากสภาพของสินค้าที่รับฝากหรือเพราะความผิดของผู้ฝาก (มาตรา 38) ซึ่งเป็นมาตรการในการกำกับดูแลการจัดตั้งการประกอบธุรกิจ และวิธีการดำเนินกิจการ เพื่อให้มีหลักประกันและสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน รวมทั้งให้การจัดเก็บสินค้าเป็นไปอย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีสินค้าบางชนิดหรือบางประเภท มีกฎหมายหรือระเบียบกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการที่เกี่ยวกับชนิดสินค้านั้นๆ เป็นการเฉพาะในการปฏิบัติ หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายหรือระเบียบนั้นๆ จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ รวมทั้งจะประสานมายังกรมการค้าภายใน เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์แก่กลุ่มเป้าหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่อยู่ในการส่งเสริมและกำกับดูแลอีกช่องทางหนึ่งด้วย
หากท่านต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ กองส่งเสริมและบริหารระบบตลาด กรมการค้าภายใน โทร. 02-5075900
|
ผู้ตอบ :
|
กองส่งเสริมและบริหารระบบตลาด
|
วันที่ตอบ : |
|
|